กรุงเทพฯ--13 มี.ค.--เจดับบลิวที พับบลิค รีเลชั่นส์
“งานดีไซน์” เป็นงานที่ไม่เคยหลับใหล ต้องอาศัยความโลดแล่นของความคิดและจินตนาการเฉพาะตัวของแต่ละบุคคลในการสร้างสรรค์ผลงาน ยิ่งยุคนี้สมัยนี้... งานดีไซน์ชิ้นไหนที่สามารถบ่งบอกความเป็นเอกลักษณ์ บ่งชัดถึงความแตกต่าง ความแปลก และที่สำคัญต้องไม่ซ้ำใคร กำลังเป็นที่ฮ็อตฮิตติดตลาดเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะงานดีไซน์ทำมือ หรือจะเรียกเก๋ๆ ว่า “งานแฮนด์เมด” คงจะเป็นผลงานที่สามารถบอกเล่าถึงแรงบันดาลใจที่เป็นอิสระจากกรอบความคิด แสดงความเป็นปัจเจกของเจ้าของไอเดียสุดบรรเจิดได้เป็นอย่างดี
เรื่องราวของแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานนี้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของกิจกรรมดีๆ มีสาระอย่าง One-2-Call iD Showcase ที่ One-2-Call! จัดขึ้นเพื่อต้องการสนับสนุนทุกความคิดอิสระ ของกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งเป็นวัยที่มีพลังอิสระในการสร้างสรรค์ที่สะท้อนความเป็นตัวตนของตนเองอย่างล้นเหลือ และต้องการเวทีที่จะแสดงออก ดังนั้น One-2-Call! จึงปิดพื้นที่สยามสแควร์ ซอย 3 ทั้งซอย ทุกวันศุกร์สิ้นเดือน ตลอดทั้งปี 2551 ให้บรรดาขาโจ๋ ชาวสยามสแควร์ ได้มีมุมอิสระในการโชว์หลากหลายไอเดียสร้างสรรค์ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
และภายในงาน One-2-Call iD Showcase ครั้งแรกที่จัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “ว่าด้วยความรัก” เราก็จะได้เห็นผลงานสร้างสรรค์ ซึ่งรวบรวมเอาผลงานดีๆ มีดีไซน์จากน้องๆ นักเรียน นักศึกษา ที่มีพลังความคิดสร้างสรรค์และมีใจรักในงานออกแบบ มาร่วมออกร้านแสดงผลงานกว่า 60 ร้าน แทบจะเรียกได้ว่า ภายในสยามสแควร์ ซอย 3 งานนี้จึงกลายเป็นแหล่งนัดพบของบรรดาคออินดี้อินเทรนด์ที่ชื่นชอบผลงานการออกแบบที่มีชิ้นเดียวในโลก ที่สามารถหาซื้อได้ที่นี่เพียงที่เดียว แถมเก๋ เริ่ด ไม่ซ้ำใคร…และได้เต็มอิ่มกับการชมโชว์อิสระต่างมากมาย
บรรดาเหล่าวัยทีนต่างขนไอเดียหลากหลายมากมาย ที่มาจากแรงบันดาลใจสุดกิ๊บเก๋ของแต่ละคน มาโชว์กันเต็มที่ เริ่มต้นกับไอเดียดีๆ กับผลงานการออกแบบที่น่าสนใจชิ้นแรก คือ พวงกุญแจตุ๊กตากระต่ายคู่ ของน้องเดียร์- ปรียาวัลย์ มณีรัตน์ นิสิตสาวคณะมนุษย์ศาสตร์ สาขาภาษาต่างประเทศ เอกภาษาเยอรมัน ชั้นปีที่ 2 จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่หยิบเอาความขี้เล่นของกระต่าย สัตว์เลี้ยงที่น่ารัก มาเป็นไอเดียในการออกแบบงานต่างๆ ทั้งพวงกุญแจ กระเป๋าสตางค์ กระเป๋าใส่เครื่องสำอาง แต่ที่เป็นไฮไลท์สำหรับงานนี้จะเป็นพวงกุญแจกระต่ายคู่ ตัวหนึ่งจะเป็นสีขาว อีกตัวเป็นสีดำ โดยความพิเศษของมันจะอยู่ที่ตาของกระต่ายทั้ง 2 จะแอบมองกัน ซึ่งเป็นจุดขายหลักที่มีความแปลกแตกต่างไปจากพวงกุญแจทั่วๆไป นอกจากนี้ก็ยังมีพวงกุญแจไซส์มินิ ขนาดเท่าฝ่ามือ ที่ดีไซน์ให้หน้ากระต่ายที่ออกมาดูแปลกปนทะเล้นให้เลือกซื้อไปเป็นของฝากอีกหนึ่งชิ้น
น้องเดียร์ เล่าถึงแรงบันดาลใจของตนว่า “ปกติทำตุ๊กตากับกระเป๋าแฮนด์เมดขายกับพี่อยู่แล้ว แต่เพื่อให้เข้าคอนเซปต์ของงานเลยลองทำตุ๊กตาเป็นคู่ผู้ชายผู้หญิง ซึ่งส่วนตัวนั้นชอบงานประเภทแฮนด์เมด ส่วนพี่ก็ชอบวาดรูปและประดิษฐ์ของเลยช่วยกันออกแบบสินค้าขึ้นมา และช่วยกัน แสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนกัน ใช้เวลาทำต่อตัวประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ใช้วัสดุคือ ผ้าที่ชอบ เช่นผ้าลายสวยๆในที่นี้ใช้ทำเสื้อผ้าตุ๊กตา ผ้า fur ใช้ทำตัวตุ๊กตา ผ้าสักหลาดสองหน้าทำหน้าตาตุ๊กตาเข็ม คิดว่าเป็นหน้าตาของตุ๊กตา ที่ตัวกระต่ายสีดำที่เป็นผู้ชายจะหน้ากวนๆหน่อย ส่วนสีขาวเป็นผู้หญิงหน้าตาน่ารักๆ ดูขัดแย้งกันดี ส่วนเสื้อผ้าสามารถเปลี่ยนได้ ก็น่าจะเป็นจุดขายได้อีกอย่างหนึ่ง โดยรวมน่าจะโดนใจคนซื้อที่เป็นคู่รักอยู่บ้างนะคะ เงินลงทุนก็มาจากเงินค่าขนม ทำงานพิเศษ และรวมกับที่ยืมทางบ้านมาส่วนหนึ่ง ช่วงแรกก็ลองทำขายจำนวนไม่มากก่อนงานส่วนใหญ่ช่วงแรกจะเย็บมือทั้งหมด พอขายไปสักพักก็เอาเงินส่วนหนึ่งไปซื้อจักรเย็บผ้า เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตและเพิ่มความสะดวกในการทำงาน
และที่น่าสนใจ คือ ขณะนี้น้องเดียร์กำลังต่อยอดงานความคิดสร้างสรรค์ของตนเองด้วยการ เริ่มที่จะทดลองทำเวบไซต์เกี่ยวกับสินค้าที่ขายดูเพื่อเพิ่มช่องทางการขายสินค้า และขายตามมหาวิทยาลัยต่างๆเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย อาจทำโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ เวบไซต์และสินค้าเพิ่มด้วย ตามเทศกาลพิเศษต่างๆ อาจทำคอลเลคชั่นพิเศษขึ้นมาโดยเฉพาะ หรืออาจจัดเป็นเซทของขวัญเข้าชุดกันตามสั่งเป็นต้น
ส่วนน้องนัท — ณัฐศรัณย์ งามประภากร อายุ 22 ปี สาวน้อยจากคณะมัณฑนศิลป์ ชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยศิลปากร ก็มีผลงานที่น่าสนใจไม่แพ้กัน กับผลงานสร้อยข้อมือและพวงกุญแจหนัง ที่ต้องการให้ผลงานที่ออกแบบเป็นสื่อกลางในการแสดงให้เห็นถึงตัวตนของทั้งคน 2 คน ผ่านการสลักชื่อให้เป็นความทรงจำแห่งความรักลงบนแผ่นหนัง จากแรงบันดาลใจในโจทย์ของ theme ที่ว่าด้วยความรัก ด้วยจุดเด่นที่เน้นการเขียนสดๆ สั่งตรงจากลูกค้า เราสามารถพิมพ์ชื่อที่ลูกค้าต้องการลงบนสินค้าได้ทันที และการนำ ภาพที่เราชอบมาไว้บนงานได้ ซึ่งเป็นงานแกะกล่องที่เราคิดใหม่ทำใหม่เพื่องานนี้โดยเฉพาะ
“ เราคิดว่าสินค้าที่เราได้ทำและได้ขายในงานครั้งนี้ รวมทั้งที่มหาวิทยาลัย หรือ งาน GIFT ทำให้เรามีประสบการณ์จากการเจอตัวตรงๆกับลูกค้า ทำให้ทราบความต้องการของลูกค้าหลายๆกลุ่มที่ต่างกันออกไป สิ่งที่เราจะนำไปต่อยอดน่าจะเป็นประสบการณ์มากกว่าเราจะนำสิ่งที่ได้ไปพัฒนา แล้วเปิดร้านที่มีแบรนด์เป็นของตัวเอง” น้องนัทกล่าวและว่า ความคิดที่โปรโมทการขายของภายในงานคือ
ไม่ขายเองแต่ให้เพื่อน พี่และน้องๆที่ มีความสามารถและมีความเชี่ยวชาญ มาขายและพรีเซนต์สินค้าแทน ซึ่งทำให้มีคนมาเข้าร้านตลอดเวลา “
นอกจากนี้แหวนและจี้ห้อยคอ ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน โดยเฉพาะแหวน Mickey Mouse หลากหลายสไตล์ หลากหลายอารมณ์ของน้องทิพย์ — ตรีทิพย์ สุประกอบ จากมหาวิทยาลัยศิลปากร ชั้นปี 3 คณะมัณฑนศิลป์ ภาควิชาออกแบบเครื่องประดับ ก็มีความคิดไม่ซ้ำกับใครเช่นกัน โดยการ ที่หยิบเอาเทคนิคการลงยาสีบนทองเหลืองมาดัดแปลงเป็นแหวนรูปร่างต่างๆ ซึ่งใช้ระยะเวลาในการทำแหวนแต่ละวงจะต้องกว่า 2 วัน ตั้งแต่ขั้นตอนการขึ้นรูปตัวแหวนไปจนถึงขั้นตอนการลงยาสี ซึ่งไอเดียนี้เน้นการออกแบบให้ตรงใจกลุ่มลูกค้าผู้หญิงที่หลงใหลในเสน่ห์ของตัวการ์ตูนยอดนิยมอย่าง Mickey Mouse
ส่วนผลงานที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า หนีไม่พ้นสมุดโน้ตทำมือ ของน้องเต๋า — เศรษฐสฤษดิ์ หวังวงศ์วัฒนา จากมหาวิทยาลัยศิลปากร ที่หยิบเอาวัสดุอย่างหนัง ผ้า และกำมะหยี่ มาเป็นวัตถุดิบหลักที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสมุดโน้ต โดยชูความเก๋ของเจ้าสมุดนี้ว่า เป็นสมุดทำมือ 100% โดยใช้เชือกสานทั้งเล่ม ตั้งแต่หน้าปกยันท้ายเล่ม ที่สำคัญไม่มีส่วนผสมของกาว จะว่าไปอาจจะเรียกว่าเป็นสมุดโน้ตลดโลกร้อน คงอินเทรนด์ไม่เบาทีเดียว
มาถึงไอเดียเก๋ๆ ในการประดิษฐ์เครื่องประดับที่ทำมาจากหนัง อย่างกำไลข้อมือและพวงกุญแจ จากไอเดียของน้องโอ — อัครพงษ์ วาทีมงคลเลิศ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่ได้แรงบันดาลใจจากกระแสแฟชั่นที่ไม่หยุดนิ่ง และความยืดหยุ่นของหนัง ที่เป็นวัสดุหลัก ถ่ายทอดมาเป็นผลงานที่บ่งบอกถึงความเป็นคู่ ทั้งพวงกุญแจคู่ชายหญิง ที่มีความพิเศษตรงที่สามารถสลักชื่อลงบนหนังได้ รวมไปถึงที่ห้อยโทรศัพท์ และกำไลข้อมือ
อีกหนึ่งสาวที่ชื่นชอบการออกแบบแหวน สร้อยคอ สร้อยข้อมือ ต่างหู และหลากหลาย accessories สำหรับผู้หญิง จากการสร้างสรรค์ของน้องแพร — ปรียานุช หน่อสุวรรณ จากรั้วศิลปากร ที่งานนี้ชูทีเด็ดด้วยไอเดียการดีไซน์แหวนคู่ ทั้งในรูปแบบแพทเทิลทั่วไป และ แหวนจิ๊กซอว์ที่สามารถนำมาต่อกันเป็นหนึ่งเดียว ในหลากหลายดีไซน์ เช่น รูปหัวใจ, รูปกุญแจ ก็ถือเป็นไอเดียที่แปลกและตรงกับความต้องการของลูกค้าที่มาเป็นคู่ แล้วอยากจะได้ของแทนใจ แต่มีไอเดียที่เก๋ๆ และที่สำคัญต้องไม่ซ้ำใคร
ส่วนผลงานการออกแบบพวงกุญแจตุ๊กตาหมี ที่ใส่ความอินเทรนด์เคล้ากับกลิ่นอายของเทศกาลแห่งความรักด้วยรูปหัวใจที่หน้าอก โดยน้องเอก — เอกชัย สายสอง จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่งัดเอาสุดยอดผลงานที่เจ้าตัวบอกว่า “ได้มาเพราะความบังเอิญ” แต่ไปเข้าตาร้านขายของมีดีไซน์ชื่อดังอย่าง Propaganda ก็มาร่วมสร้างสีสันภายในงานนี้ด้วย โดยจุดเด่นของแต่ละผลงานจะเน้นเทคนิคการเย็บที่ประณีตผสานกับการเลือกใช้วัตถุดิบหลักที่เป็นหนังแท้และหนังเทียม ที่สามารถดีไซน์ได้หลากหลายรูปแบบ ในราคาที่ย่อมเยา
และปิดท้ายกับผลงานกระเป๋าผ้าและแหวนหลากหลายสไตล์ของน้องพิ้งค์ — วราวรรณ ธีระพิจิตร จากมหาวิทยาลัยศิลปากร ที่แสวงหาความเป็น Unique ให้กับชิ้นงาน โดยเลือกเอาวัสดุที่หาได้ง่ายในท้องตลาดมาตัดเย็บ ด้วยการหยิบเอาดีไซน์มาผสานกับกระแสโลกร้อน ออกมาเป็นกระเป๋าผ้าฉบับพกพาสะดวก แถมด้วยไอเดียการออกแบบแหวนแฟชั่นที่เน้นความลงตัวอย่างเหลือเชื่อของอุปกรณ์ตัดเย็บเสื้อผ้า ทั้งกระดุม เส้นด้าย ไหมพรม ผ่านเทคนิคปะ-ติด-ต่อ ที่เจ้าตัวการันตีว่า เป็นเทคนิคส่วนบุคคล ไม่มีผู้ใดกล้าเลียนแบบอย่างแน่นอน!!
ส่วนสุดยอดเซอร์ไพร์สของงานนี้ คงจะเป็นการแสดงผลงานที่สะท้อนแรงบันดาลใจของมะเดี่ยว - ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ผู้กำกับชื่อดังจากภาพยนตร์เรื่อง “รักแห่งสยาม” ที่ขนเอา Storyboard บอกเล่าถึงเนื้อหาหลักที่เกี่ยวข้องกับความรัก และการค้นหาตัวตน ผ่านมุมมองของเด็กชายสองคน โดยมีสยาม สแควร์เป็นสถานที่เชื่อมโยงเรื่องราวทั้งหมด และ Storyboard หนังสั้นเรื่องใหม่ “.Dopamine.” ที่ทำขึ้นพิเศษเพื่องาน One-2-Call Id Showcase # 1 โดยเฉพาะ
แต่ละผลงานที่มาร่วมแต่งเติมสีสัน สะท้อนความคิดและจินตนาการอันไร้ขีดจำกัดในวันนี้ เป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งของงานดีๆ มีไอเดียที่ทาง One-2-Call ตั้งใจครีเอทกิจกรรมสำหรับวันทีนทุกศุกร์สิ้นเดือนตลอดทั้งปี 2551 เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้เหล่าบรรดานิวเจเนอเรชั่นใหม่ ที่มีความเป็นตัวของตัวเอง มีพลังทางความคิด มีอิสระในการสร้างสรรค์ ได้มีพื้นที่ในการแสดงออกซึ่งผลงานโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายและความคิดที่สะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ สู่สายตาสาธารณชนได้ต่อไปในอนาคต
สำหรับงาน One — 2- Call! iD Showcase จะจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม 2551 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ปะ ปะ ปะ” สำหรับผู้ที่สนใจอยากนำผลงานมาร่วมโชว์และเข้าร่วมกิจกรรม One-2-Call! iD Showcase ในเดือนต่อไป สามารถเข้าร่วมโครงการ ง่ายๆ โดยติดตามรายละเอียดข้อมูลได้ที่ www.one-2-call.ais.co.th หรือ AIS Call Center 1175 และ One-2-Call! Shop!!!!