ศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง ภูเก็ต เตรียมปรับโฉมใหม่เต็มรูปแบบทั้งศูนย์การค้าฯ ในปี 2565 - 2566 เนรมิตพื้นที่ให้กลายเป็นโอเอซิสของป่าตอง จังหวัดภูเก็ต พร้อมเปิดพื้นที่ขายให้กับบรรดาร้านค้าที่สนใจพื้นที่ เพื่อสร้างประสบการณ์อันหลากหลาย เติมเต็มความสุข ความสะดวกสบายให้ครบครันของ "Shopping Paradise" ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของนักช้อป นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศที่เปลี่ยนแปลงไปในยุค New Normal ให้เข้าถึงทุกความต้องการจบครบในที่เดียว พร้อมเปิดให้บริการเฟสแรก ไตรมาส 4 ปี 2565 นี้
นายประวิช จรรยาสิทธิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ภูเก็ตสแควร์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง ภูเก็ต กล่าวว่า ศูนย์การค้าจังซีลอน ได้ดำเนินกิจการเข้าปีที่15 แล้ว ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทางศูนย์การค้าได้มีการพัฒนาปรับปรุงพื้นที่ให้ทันสมัย มีร้านค้าและบริการ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ๆ ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของนักช้อป นักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการที่ศูนย์การค้าอย่างต่อเนื่องกว่า 17 ล้านคนต่อปี และในปีนี้ทางบริษัทฯ ได้เตรียมแผนงานปรับปรุงครั้งใหญ่ทั่วทั้งศูนย์การค้า บนพื้นที่ทั้งหมดกว่า 55 ไร่ หรือประมาณ 200,000 ตร.ม. โดยได้แบ่งการดำเนินการปรับปรุงพื้นที่ออกเป็น 2 เฟส ซึ่งในเฟสแรกจะเริ่มปลายเดือนมีนาคมนี้ ที่บริเวณชั้น 1 และชั้นใต้ดิน ทั้งหมด โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 4 ปีนี้ และจะเสร็จสมบูรณ์เต็มรูปแบบทั้งศูนย์การค้าในไตรมาสที่ 4 ของปี 2566
นายประวิช ยังกล่าวอีกว่า สำหรับการปรับปรุงใหญ่ครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ นับตั้งแต่ศูนย์การค้าจังซีลอนเปิดให้บริการในปี 2549 ภายใต้แนวคิดใหม่ "The Oasis of Shopping in Patong" เปิดประสบการณ์ใหม่ของการช้อปปิ้งท่ามกลางธรรมชาติใจกลางป่าตอง ที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สบาย สดชื่น ร่มรื่นไปด้วยความเขียวขจีของเงาไม้ สวนสวย และสระน้ำพุขนาดใหญ่ ที่อยู่ภายในศูนย์การค้า ผสานความเป็นธรรมชาติเข้ากับงานสถาปัตยกรรมได้อย่างกลมกลืนและลงตัว ในรูปแบบของ "Tropical Resort Mall" เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ ซึ่งความสวยงามของการตกแต่งจะแตกต่างกันไปทั้ง 4 โซน ได้แก่ The Jungle, The Bay, The Botanica และThe Garden พร้อมเติมเต็มทุกสุนทรียภาพของการช้อปปิ้งอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยร้านค้าและบริการใหม่ๆ ทั้งกลุ่มร้านแฟชั่น ร้านอาหารสำหรับครอบครัว และจุดสำหรับแฮงเอาท์เพื่อพบปะสังสรรค์ พร้อมชู "New Attractions" เพิ่มสีสันความสนุกในวันพักผ่อนสำหรับนักท่องเที่ยวและทุกคนในครอบครัว อาทิ
- "LOVE EAT" โซนร้านอาหารใหม่ ที่ตกแต่งในรูปแบบของ Court House ผสมผสานความเป็นธรรมชาติและวัฒนธรรมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว บนพื้นที่กว่า 3,000 ตร.ม. พร้อมเปิดประสบการณ์พิเศษสุดกับ "Digital Delicious" สถานที่ที่โลกแห่งความจริงและโลกเสมือนมาบรรจบกัน แห่งแรกในประเทศไทย ภายใต้แนวคิด EAT & PLAY เสิร์ฟประสบการณ์ดิจิทัลในมื้ออาหารสุดล้ำ ที่ผสานศาสตร์แห่งการปรุงอาหารระดับ Fine Dining เข้ากับศิลป์แห่งเทคโนโลยีเหนือจินตนาการด้วยเทคนิคการนำข้อมูลสารสนเทศจากโลกจริงและโลกเสมือนมาผสมกันผ่าน Sensory Experience สู่ผลงานระดับสากลในทุกมิติ
- "Digital Amusement" โชว์ดิจิทัล อินเตอร์แอ็กทีฟแห่งแรกในประเทศไทย บนพื้นที่กว่า 2,000 ตร.ม. ถ่ายทอดประสบการณ์ผ่าน Mixed Reality เทคโนโลยีโลกเสมือนจริง สัมผัสกับความสนุก ตื่นเต้น ในโลกดิจิทัลอาร์ตที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่จัดแสดง อาทิ โซน Culture ที่นำเสนอประเพณี วัฒนธรรม และศิลปะของประเทศไทย ในรูปแบบการแสดงแสงสีดิจิทัลที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ นอกจากนั้นยังมีโซน Art, Fashion, Adventure, Games เป็นต้น
- "Tourist Service Center" จุดบริการใหม่เอาใจนักท่องเที่ยวแบบ One Stop Service ที่นอกจากจะให้บริการด้านข้อมูลแก่นักท่องเที่ยวแล้ว ยังมีบริการอื่นๆ ที่อำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าและนักท่องเที่ยว อาทิ บริการรถแท็กซี่, Airport Shuttle Bus, จองตั๋วเครื่องบิน, เช็คอินสายการบินล่วงหน้า, บริการแลกเงิน, จุดจำหน่ายซิมโทรศัพท์มือถือและอินเตอร์เน็ต, บริการรับฝากกระเป๋าเดินทาง เป็นต้น
จากการปรับโฉมใหม่เต็มรูปแบบทั้งศูนย์การค้าในครั้งนี้ นอกจากจะมีการเพิ่มของร้านค้า และบริการใหม่ๆ ที่เข้ามาเสริมทัพ แผนงานการตลาดที่ครบเครื่อง รวมทั้งสถานการณ์โควิด-19 ที่คาดว่าจะดีขึ้นในปลายปีนี้ ทางบริษัทฯ คาดหวังว่าจะทำให้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ กลับมาใช้บริการเพิ่มขึ้นเท่ากับในปี 2562 อย่างแน่นอน นายประวิช กล่าว