รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ BBLAM เปิดเผยว่า BBLAM ขยายระยะเวลายกเว้นการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขายหน่วยลงทุน (Front-end Fee) ของกองทุน BMAPS25, BMAPS55 และ BMAPS100 จากเดิมยกเว้นระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2564 - 31 มีนาคม 2565 นี้ ขยายเวลาเพิ่มอีก 3 เดือน คือ ระหว่างวันที่ 1 เมษายน - 30 มิถุนายน 2565 และหลังจากนั้นจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขายหน่วยลงทุนในอัตรา 0.50% ของมูลค่าหน่วยลงทุนต่อไป
จากแนวคิดของ BBLAM ที่ต้องการดำเนินพันธกิจ "ทำให้ครอบครัวไทยมีความมั่นคงทางการเงิน" ด้วยการสนับสนุนให้คนไทยแบ่งเงินออมสำหรับลงทุน เพราะการลงทุนเป็นช่องทางหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการหาผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินเฟ้อได้ และที่ BBLAM เลือกสนับสนุนให้นักลงทุนเลือกลงทุนผ่านกองทุน BMAPS25, BMAPS55 และ BMAPS100 ก็เพราะทั้ง 3 กองทุนนี้ เป็นกองทุนรวมผสมที่มีนโยบายการลงทุนในหน่วยลงทุน หลากหลายประเภทสินทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศ อาทิ กองทุนตราสารหนี้ กองทุนตราสารทุน กองทุนอีทีเอฟ และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น
อีกทั้งยังตอบโจทย์ของแต่ละคนมีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น การทำงาน ความคิด การใช้จ่าย รวมถึงสไตล์การลงทุน เนื่องจากทั้ง 3 กองทุนนี้ เป็นการจัดพอร์ตการลงทุนแบ่งตามความเสี่ยงที่ลูกค้ายอมรับได้ ซึ่งแตกต่างตามแผนที่ชีวิตหรือเป้าหมายของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน
ทั้งนี้ เคล็ดลับของการดูว่า ตัวเองเหมาะกับกองทุนไหนในกลุ่ม BMAPS ทั้ง 3 กองทุนนี้ BBLAM มีเทคนิค 5 รู้ มาประกอบการพิจารณา ดังนี้ รู้แรก คือ รู้เป้าหมาย เป็นหลักการเริ่มต้นลงทุนที่สามารถนำมาใช้ได้เสมอ คือ การตั้งเป้าหมายว่า เราลงทุนเพื่ออะไร เช่น ลงทุนเพื่อเกษียณ เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากหรือชนะเงินเฟ้อ รู้สอง คือ รู้ความเสี่ยง เพราะการรับความเสี่ยงได้มากหรือน้อยของแต่ละคนขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น รายได้ อายุ ภาระค่าใช้จ่าย หนี้สิน เป็นต้น หากมีเงินเหลือเก็บมาก มีค่าใช้จ่ายหรือหนี้สินน้อย ก็ลงทุนในความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นได้ หรือหากเป็นผู้ที่จะเกษียณอายุ และมีเงินออมไม่มาก การรับความเสี่ยงอาจจะน้อยลง
รู้ที่สาม คือ รู้จักสินทรัพย์ที่จะลงทุน เพราะ การรู้จักและเข้าใจสิ่งที่ตัวเองจะลงทุนเป็นเรื่องสำคัญ ทุกครั้งที่ลงทุน ควรต้องรู้ว่า เราลงทุนสิ่งใด มีโอกาสและความเสี่ยงอย่างไร ความผันผวนสูงไหม จะจัดการความเสี่ยงนั้นได้มากน้อยแค่ไหน และท้ายที่สุดสามารถยอมรับความเสี่ยงนั้นได้หรือไม่ รู้ที่สี่ คือ รู้จักกระจายความเสี่ยง คือ อย่าใส่ไข่ไว้ในตะกร้าใบเดียว เพราะถ้าร่วงจะแตกทั้งหมด การลงทุนก็เช่นกัน ทางที่ดีควรกระจายความเสี่ยงการลงทุน ไม่กระจุกตัวอยู่ในสินทรัพย์ใด อุตสาหกรรมใด หรือตลาดใดเพียงแหล่งเดียว และรู้สุดท้าย คือ รู้ไลฟ์สไตล์ส่วนตัว สิ่งนี้สำคัญ ต้องรู้ว่า ตัวเองมีเวลาติดตามภาวะตลาด สถานการณ์โลก ทิศทางราคาสินทรัพย์ที่จะลงทุนหรือไม่ หากไม่มีเวลา อาจเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่มีผู้เชี่ยวชาญบริหารจัดการให้ ก็เป็นทางเลือกที่ดี
สำหรับกองทุนเปิด BMAPS มีกลยุทธ์การลงทุนตามหลักการ Asset Allocation คือ จัดสรรเงินลงทุนในหน่วยลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย ตามความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และความคาดหวังผลตอบแทนการลงทุน เพื่อสร้างความมั่งคั่งและมั่นคงทางการเงินในระยะยาว โดยเปิดทางให้เลือกลงทุนได้ตามไลฟ์สไตล์ที่ชอบ ได้แก่ BMAPS25 สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อย ต้องการเน้นลงทุนในตราสารหนี้เป็นหลัก พร้อมเพิ่มผลตอบแทนแบบค่อยเป็นค่อยไป ด้วยการลงทุนในหุ้น สัดส่วนไม่เกิน 25%
BMAPS55 สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง ต้องการเพิ่มผลตอบแทนขึ้นมาอีกนิด แต่ก็ยังกังวลเรื่องความเสี่ยงอยู่ ด้วยการลงทุนในหุ้นในสัดส่วนไม่เกิน 55% และ BMAPS100 เหมาะสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงจากความผันผวนได้สูง มองว่าหุ้นเป็นสินทรัพย์ที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดี และกระจายการลงทุนไปในตลาดที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดี โดยกองทุนนี้ลงทุนในหุ้นได้ 100%
ส่วนวิธีการลงทุน มีหลากหลายตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน เช่น หากเป็นสายมุมานะทำงานสร้างรายได้ อาจไม่มีเวลาดูกราฟหรือจับจังหวะ ก็อาจใช้วิธีลงทุนอย่างสม่ำเสมอเพื่อถัวเฉลี่ยต้นทุน (Dollar Cost Averaging: DCA) เพื่อลดความเสี่ยงในการซื้อผิดจังหวะ แต่หากเป็นสายหน้าจอ มีความรู้พอตัว เกาะติดสถานการณ์ใกล้ชิด และมีความมั่นใจ ก็อาจเลือกซื้อเป็นรายครั้งตามจังหวะที่คิดว่าใช่ ต้องใช่แน่ๆ
ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลรายละเอียดกองทุน BMAPS25, BMAPS55 และ BMAPS100 ได้ที่เว็บไซต์ bblam.co.th หรือ โทร. 02-674-6488 กด 8 นอกจากนี้ยังลงทุนได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง ผ่านโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ หรือ BF Fund Trading จาก BBLAM รวมทั้งช่องทางของตัวแทนขายที่ได้รับการแต่งตั้ง