เชลล์ตอกย้ำความสำเร็จในการเป็นผู้นำตลาดน้ำมันหล่อลื่นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดครองตำแหน่งผู้นำตลาดน้ำมันหล่อลื่นระดับโลกติดต่อกันเป็นปีที่ 15 จากรายงานการวิเคราะห์และการประเมินตลาดในอุตสาหกรรมน้ำมันหล่อลื่นทั่วโลกฉบับที่ 19 ของไคล์ แอนด์ คอมพานี (Kline & Company) สถาบันด้านการวิจัยตลาดชั้นนำ สะท้อนหลักในการดำเนินธุรกิจของเชลล์ที่มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม ปรับตัวสู่โลกดิจิทัล เป็นพันธมิตรกับลูกค้า และร่วมพัฒนาชุมชน
นางสาววีธรา ตระกูลบุญ กรรมการบริหาร ธุรกิจน้ำมันหล่อลื่น เชลล์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า "จากความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีน้ำมันหล่อลื่นอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง และส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าและผู้บริโภคทุกคน เชลล์รู้สึกภูมิใจและดีใจเป็นอย่างยิ่งที่สามารถครองตำแหน่งผู้นำตลาดน้ำมันหล่อลื่นระดับโลกติดต่อกัน 15 ปีซ้อนจากการจัดอันดับของไคล์ แอนด์ คอมพานี (Kline & Company) ตอกย้ำความตั้งใจของเชลล์ในการเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมน้ำมันหล่อลื่นให้หลากหลายและเหมาะสมกับทุกการใช้งาน ยกระดับการให้บริการด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อความสะดวกสบายของทั้งลูกค้าและพันธมิตร ทำงานร่วมกับพันธมิตรอย่างใกล้ชิด ตลอดจนมีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิต สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ 'Powering Progress' ที่มุ่งเน้นการร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อส่งมอบพลังงานที่ยั่งยืน บรรลุเป้าหมายสู่การเป็นธุรกิจพลังงานที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ พร้อมขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงานเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของทุกคน"
ในรายงานดังกล่าวระบุว่าน้ำมันหล่อลื่นเชลล์เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งตามผลสำรวจสำหรับรถยนต์โดยสารในประเทศสหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน มาเลเซีย และอินโดนีเซีย* โดยที่ผ่านมาเชลล์ได้นำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้เกรดพรีเมี่ยมสูตรคาร์บอนนิวทรัล (Carbon Neutral) เชลล์ เฮลิกส์ อัลตร้า 0W สูตรใหม่ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่หันมาให้ความสำคัญกับน้ำมันเครื่องที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเครื่องยนต์และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันผู้ขับขี่จักรยานยนต์ในประเทศฟิลิปปินส์และมาเลเซีย* ก็วางใจให้เชลล์เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งที่ผู้ขับขี่เลือกใช้ (ตามผลสำรวจ) โดยเชลล์ได้เปิดตัวน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 2 สูตรใหม่สำหรับรถจักรยานยนต์ที่พัฒนาด้วยเทคโนโลยีเพียวพลัส (PurePlus Technology) นวัตกรรมสิทธิ์เฉพาะของเชลล์อย่าง เชลล์ แอ๊ดว้านซ์ เพาเวอร์ 15W-50 สำหรับไบค์เกอร์สายลุย และ เชลล์ แอ๊ดว้านซ์ ซิตี้ 10W-40 สำหรับไบค์เกอร์ในเมือง เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การขับขี่ที่แตกต่างกันอีกด้วย
เชลล์ยังเป็นน้ำมันหล่อลื่นที่ครองใจเจ้าของรถบรรทุกในประเทศไทยเป็นอันดับ 1 ตามผลสำรวจ เช่นเดียวกับในประเทศสหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน อียิปต์ และฟิลิปปินส์* ในประเทศไทย เชลล์ ริมูล่าได้สานต่อเจตนารมณ์การอยู่เคียงข้างผู้ขับรถบรรทุกอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอมุมมองฮีโร่รถบรรทุกผู้เป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้า ไปจนถึงการสานต่อโครงการ "ฮีโร่รถบรรทุกอุ่นใจ ขับขี่ปลอดภัย กับเชลล์ ริมูล่า" อย่างต่อเนื่อง โดยเชลล์ยังเป็นผู้พัฒนาและจำหน่ายน้ำมันเครื่องระดับพรีเมี่ยมจากเทคโนโลยีก๊าซธรรมชาติ (Gas-to-Liquid) เป็นรายแรกของโลกอีกด้วย
นอกจากนั้น ท่ามกลางการเติบโตของโลกยุคดิจิทัล กลุ่มธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นเชลล์ยังมุ่งมั่นตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั้งลูกค้าทั่วไปรวมถึงลูกค้าภาคธุรกิจ ด้วยบริการผู้ช่วยเหลือด้านเทคนิคผ่านช่องทางออนไลน์และแอปพลิเคชันเช่น Shell LubeChat, Shell LubeAnalyst, Shell LubeMatch, Shell LubeExpert และอื่น ๆ อีกมากมาย สำหรับประเทศไทย นอกจากการเปิดจำหน่ายสินค้าและบริการน้ำมันหล่อลื่นผ่านช่องทาง e-Commerce การบริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันหล่อลื่นผ่านรูปแบบ e-Coupon ให้กับลูกค้าทั่วไป และโครงการ Shell Advantage Reward (SHARE Application) ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้กับร้านค้าพันธมิตรแล้ว เชลล์ยังเสริมแกร่งให้กับกลุ่มลูกค้าภาคธุรกิจ ด้วยการเปิดตัว LINE Official Account ภายใต้ชื่อ 'น้ำมันหล่อลื่นเชลล์' ให้พวกเขาสามารถรับข่าวสาร ค้นหาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม และรับการบริการด้านเทคนิคจากเชลล์ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
ปัจจุบัน ธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นเชลล์มีโรงงานผลิตน้ำมันหล่อลื่น 30 แห่ง โรงกลั่นน้ำมัน 4 แห่งและโรงงานผลิตจาระบี 8 แห่ง รวมถึงมีพันธมิตรผู้จัดจำหน่ายระดับใหญ่มากกว่า 80 รายและผู้จัดจำหน่ายทั่วไปอีกมากกว่า 1,200 ราย เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดทั่วโลก
"ผลสำรวจนี้นับเป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนของความทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจของพนักงานเชลล์ทุกคน ธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นเชลล์จะไม่หยุดยั้งการส่งมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมผ่านผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นคุณภาพสูงและการให้บริการลูกค้าทั้งกลุ่มธุรกิจและผู้บริโภค เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายได้อย่างครอบคลุมต่อไป" นางสาววีธรา กล่าวสรุป
*อ้างอิงจากรายงานการวิเคราะห์และการประเมินตลาดในอุตสาหกรรมน้ำมันหล่อลื่นทั่วโลกฉบับที่ 19 ของไคล์ แอนด์ คอมพานี (Kline & Company)