3 องค์กรยักษ์ใหญ่ บริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด หน่วยงานของรัฐ บริษัท นามยง เทอร์มินัล จำกัด (มหาชน) และบริษัท ซิโนเปค อินเตอร์เนชั่นแนล ปิโตรเลียม เซอร์วิส คอร์ปอเรชั่น บริษัทลูกในเครือรัฐวิสาหกิจจีน ลงนาม MOU จัดตั้งกิจการร่วมค้าในประเทศไทย โดยมี ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี
นายหวัง ลี่ผิง อัครราชทูตที่ปรึกษาแผนกพาณิชย์ ประจำสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย พลเรือเอก เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ เสนาธิการทหารเรือ พลเรือโท วิโรจน์ นิลพงษ์ เจ้ากรมอู่ทหารเรือ และแขกผู้เกียรติทั้งฝ่ายจีนและฝ่ายไทยร่วมเป็นสักขีพยาน ที่หอประชุมกองทัพเรือ ประกาศความพร้อมดำเนินธุรกิจรื้อถอนแท่นปิโตรเลียมมาตรฐานสากลในอ่าวไทย ชูจุดแข็งบริการครบวงจร (One-Stop Service) รายแรกในประเทศไทย รองรับความต้องการรื้อถอนแท่นปิโตรเลียมที่จะทยอยหมดอายุสัมปทานตั้งแต่ปี 2565 ต่อเนื่องไปอีก 20 ปีข้างหน้า
การลงนามความร่วมมือครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการรื้อถอนสิ่งติดตั้งในกิจการปิโตรเลียมแบบครบวงจร โดยนำศักยภาพและความเชี่ยวชาญของแต่ละฝ่าย บูรณาการความร่วมมือเพื่อให้บริการรื้อถอนสิ่งติดตั้งในกิจการปิโตรเลียมตลอดทั้งกระบวนการ ในรูปแบบของ One-Stop Service ครอบคลุมตั้งแต่การปิดหลุมผลิต การเคลื่อนย้ายโครงสร้างของสิ่งติดตั้งปิโตรเลียมจากอ่าวไทยมายังฝั่งและทำการแยกชิ้นส่วน และการกำจัดกากของเสียอุตสาหกรรม โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยได้มาตรฐานสากล รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย พร้อมทั้งใช้โอกาสนี้ในการประสานความร่วมมือที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นระหว่าง 3 ฝ่าย ในด้านปิโตรเคมีภาคพื้นดินและนอกชายฝั่งของประเทศไทย ซึ่งจะมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการยกระดับอุตสาหกรรมปิโตรเคมีของไทย ทั้งด้านการสำรวจพัฒนาและเทคโนโลยีอุปกรณ์ที่ทันสมัย
มร.หยาง เฉิง รองผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซิโนเปค อินเตอร์เนชั่นแนล ปิโตรเลียม เซอร์วิส คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า ธุรกิจการให้บริการรื้อถอนแท่นผลิตปิโตรเลียมในประเทศไทยมีโอกาสเติบโตอีกมากในอนาคต จากความร่วมมือกับ 2 พันธมิตรทางธุรกิจในประเทศไทยในครั้งนี้ เชื่อว่าจะช่วยเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจดังกล่าวให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยบริษัทฯ จะนำความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้านวิศวกรรมปิโตรเลียมที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกของ Sinopec Group ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทน้ำมัน ก๊าซ และปิโตรเคมี แบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีจุดแข็งในการติดตั้งและรื้อถอนแท่นปิโตรเลียมในทะเลที่ได้มาตรฐานสากลเป็นที่ยอมรับ และความพร้อมในด้านเทคโนโลยีอุปกรณ์ที่ทันสมัย นำมาพัฒนาและยกระดับการให้บริการธุรกิจนี้ในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น
นายเทพรักษ์ เหลืองสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นามยง เทอร์มินัล จำกัด (มหาชน) หรือ NYT เปิดเผยว่า ความร่วมมือที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นการขยายโอกาสทางธุรกิจที่ดี และจะสนับสนุนการเติบโตของบริษัทในอนาคต สอดรับกับพันธกิจของบริษัทฯ ที่มุ่งมั่นพัฒนาบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีมาตรฐานระดับโลก รวมถึงการขยายบริการให้ครอบคลุมการดำเนินงานในธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ จากศักยภาพทางธุรกิจของบริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจท่าเทียบเรือเพื่อการส่งออกและนำเข้ารถยนต์แบบครบวงจร (ท่าเทียบเรือ A5 และ C0) ทั้งการให้บริการท่าเทียบเรือและบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงเป็นผู้ให้บริการพื้นที่จัดเก็บสินค้าและคลังสินค้าบริเวณท่าเรือแหลมฉบัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี จะมีส่วนสนับสนุนสำคัญต่อธุรกิจรื้อถอนแท่นผลิตปิโตรเลียมในครั้งนี้ และจะช่วยส่งเสริมความร่วมมือระหว่างบริษัท นามยง เทอร์มินัล จำกัด (มหาชน) กับอีก 2 หน่วยงานพันธมิตรในด้านปิโตรเคมีในประเทศไทย
"ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีบริษัทใดที่สามารถให้บริการรื้อถอนแท่นผลิตปิโตรเลียมได้แบบครบวงจรตลอดทั้งกระบวนการ ความร่วมมือของ 3 พันธมิตรในครั้งนี้จึงเป็นก้าวใหม่ครั้งสำคัญ ด้วยจุดแข็งการเป็นผู้ให้บริการด้านการรื้อถอนแท่นผลิตปิโตรเลียมแบบครบวงจร ทั้งจากทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่มีมาตรฐานในระดับสากล จะสามารถรองรับงานรื้อถอนแท่นผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทย ที่จะเริ่มทยอยหมดอายุสัมปทานนับตั้งแต่ปี 2565 ต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 20 ปีข้างหน้า" นายเทพรักษ์ กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับ บริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด สังกัดกระทรวงกลาโหม ดำเนินธุรกิจสร้างและซ่อมเรือรวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่ และกิจการพาณิชย์นาวี เป็นบริษัทเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยที่ได้รับผิดชอบการสร้างและซ่อมเรือทางการทหาร บริษัท นามยง เทอร์มินัล จำกัด (มหาชน) หรือ NYT บริษัทผู้ให้บริการขนส่ง โลจิสติกส์แบบครบวงจร ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย มีสัมปทานท่าเรือหลายแห่ง เช่น ท่าเทียบเรือ A5 และ C0 ท่าเรือแหลมฉบัง มีท่าเทียบเรือเพื่อการนำเข้าและส่งออก (Ro/Ro) แบบครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รวมทั้งยังเป็นท่าเทียบเรือเพื่อการนำเข้าและส่งออกรถยนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเอเชีย และบริษัท Sinopec International Petroleum Service Corporation บริษัทลูกในเครือ SINOPEC GROUP ซึ่งมีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจด้านพลังงานรายใหญ่ที่สุดของจีน ซึ่งมี SINOPEC GROUP เป็นผู้ถือหุ้น 100% โดย SINOPEC GROUP เป็นกลุ่มบริษัทน้ำมัน ก๊าซ และปิโตรเคมี แบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในโลก เป็นบริษัทกลั่นน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก บริษัทเคมีภัณฑ์รายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และมีจำนวนสถานีบริการน้ำมันมากเป็นอันดับ 2 ของโลก SINOPEC GROUP ดำเนินธุรกิจด้านปิโตรเคมีแบบครบวงจร ตั้งแต่การสำรวจพัฒนา การขุดเจาะน้ำมันดิบ การกลั่นและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม นอกจากนี้ยังได้รับการจัดอันดับจากนิตยสาร Fortune Global 500 ในปี 2019 และ 2020 เป็นบริษัทที่มีรายได้อันดับ 2 ของโลก และติดอันดับ TOP10 ของ Fortune Global 500 ติดต่อกัน 10 ปีต่อเนื่อง