บทวิเคราะห์จาก บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) หรือ "Pi" "พาย" มองว่า วันศุกร์ที่ผ่านมา ศบค. ได้อนุมัติแผนการเปิดประเทศที่ง่ายมากขึ้นด้วยการยกเลิกระบบ Test & Go สำหรับผู้รับ Vaccine แล้วเมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทยสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้ทันที เพียงแค่ขอความร่วมมือในการตรวจ ATK ด้วยตนเองระหว่างท่องเที่ยว ส่วนผู้ที่ยังมิได้รับ Vaccine จำเป็นจะต้องมีหลักฐานในการกักตัวทางเลือกพร้อมยื่นผล RT-PCR ก่อนเข้าไทย 72 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตามระบบ Thailand Pass ยังคงมีอยู่ เรามองเป็นบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยว (AOT AWC CENTEL ERW MINT SPA) อย่างไรก็ตามด้วยราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างเยอะส่งผลให้ต้องเน้นหุ้นที่ยังปรับขึ้นน้อย อาทิ (SPA) แม้คาดผลประกอบการ 1Q22 จะยังขาดทุนแต่เชื่อว่าครึ่งปีหลังจะมีทิศทางที่ดีขึ้นหนุนจากการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะมีการเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มากขึ้นหนุนจากการเปิดประเทศ ส่วนวันศุกร์ Dow Jones ปรับฐานแรง ตลาดกังวลถึงแผนการขึ้นดอกเบี้ยของ FED จะกดดันเศรษฐกิจสหรัฐในอนาคต คาดเป็นปัจจัยกดดันการลงทุนในวันจันทร์
สำหรับปัจจัยสัปดาห์นี้ (1) สหรัฐมีกำหนดรายงาน GDP ในวันพฤหัส Bloomberg คาด +1%QoQ (2) เงินเฟ้อพื้นฐานของสหรัฐในวันศุกร์ Bloomberg คาด 0.3%MoM (3) ตัวเลขการค้าระหว่างประเทศไทยที่ Bloomberg คาดว่าจะรายงานภายในช่วงวันจันทร์ - วันพุธ โดยคาดมูลค่าส่งออกขยายตัว 3.6%YoY นำเข้าขยายตัว 9.2%YoY โดยจะขาดดุลการค้าราว 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (4) ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน 1Q22 Bloomberg คาดจะมี (HMPRO PTTEP BH AEONTS SCGP SCC GLOBAL) รายงานในสัปดาห์นี้
สัปดาห์นี้ประเมินทิศทาง SET INDEX เคลื่อนไหวกรอบ 1665 - 1690 เชื่อว่าตลาดยังมี Upside จำกัดถูกกดดันจากนโยบายการเงินที่เข้มงวดของสหรัฐ รวมไปถึงค่าเงินบาทที่อ่อนค่าจะเป็นตัวกดดัน Fund Flow ให้ไหลออกได้ ซึ่งในวันศุกร์เริ่มเห็นการกลับมาขายสุทธิครั้งแรกในรอบ 4 วันทำการ เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังเน้นการถือครองเงินสดระดับสูงรอการซื้อกลับช่วงปรับฐาน อย่างไรก็ตามระยะสัปดาห์แนะหุ้นมีปัจจัยบวก อาทิ (SPA) รับผลบวกการผ่อนคลายภาครัฐ ส่งออก (ASIAN HANA KCE TU) ผลบวกเงินบาทอ่อนค่า โรงพยาบาล (BCH CHG) Defensive Stock ยามตลาดผันผวน
TU (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 22 บาท) แม้คาด 1Q22 TU มีกำไรสุทธิ 1,483 ลบ. (-18%YoY,-23%QoQ) แรงกดดันหลักมาจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะเรื่องค่าชนส่ง ปัญหาเงินเฟ้อ และค่าใช้จ่ายทางการตลาด แม้ว่ารายได้คาดว่าจะโตถึง 13%YoY มาอยู่ที่ 35,101 ลบ. จากผลดีของค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง (แต่ลดลง 9%QoQ เป็นผลตามฤดูกาล) แต่เชื่อว่าราคาหุ้นปรับฐานสะท้อนไปพอสมควรแล้ว ขณะที่ 2Q22 คาดว่าจะเห็นผลจากการเจรจาปรับราคากับลูกค้าได้บางส่วน
M (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 61 บาท) คาดว่า M จะรายงานกำไรสุทธิ 1Q22 ที่ 393 ล้านบาท (+343%YoY, -2%QoQ) หนุนจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในสามแบรนด์หลัก (MK, Yayoi และแหลมเจริญซีฟู้ด) หลังจากกลับมาให้บริการแบบรับประทานในร้าน พร้อมกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ฟื้นตัวตามอัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น