AssetWise ผู้สร้างความสุขในการอยู่อาศัย กับก้าวใหม่ในการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลกับ RISE with SAP
นับเป็นเวลากว่า 17 ปี จากจุดเริ่มต้นในโครงการเล็กๆ จนถึงปัจจุบันที่ บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) ได้เติบโตขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของเมืองไทย และวันนี้บริษัทกำลังก้าวต่อไปสู่การใช้นวัตกรรมเพื่อพัฒนาระบบบริหารองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืนกับโครงการ AssetWise RISE with SAP ซึ่งได้มีการประชุมเริ่มโครงการไปในวันที่ 1 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา
ศรีรัตน์ ชูโชติถาวร กรรมการผู้จัดการ บริษัท I AM Consulting นำทีมที่ปรึกษาเข้าร่วมประชุมเปิดโครงการและให้คำมั่นแก่ AssetWise ที่จะร่วมเดินเคียงข้างสู่จุดหมายที่วางไว้ โดยในงาน พร้อมปัญญา นันทกิจตระกูร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานบัญชีและการเงินกล่าวต้อนรับทีมที่ปรึกษาจาก I AM Consulting และแสดงเป้าหมายที่จะนำ AssetWise สู่การเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัล ซึ่งเป็นภารกิจที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อบริษัทฯ ซึ่งแม้จะท้าทาย แต่มีความมั่นใจในบุคลากรที่พร้อมทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อให้โครงการสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ และเชื่อมั่นว่าทีมที่ปรึกษา I AM ซึ่งมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญจะสามารถนำความรู้ความสามารถที่มี มาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อ AssetWise ได้อย่างสูงสุด
กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) ได้เล่าถึงประสบการณ์ที่ผ่านมา การเติบโตของบริษัท มุมมองและเป้าหมายในการทำ Digital Transformation กับโครงการ AssetWise RISE with SAP ไว้อย่างน่าสนใจ
กว่าจะมาเป็น AssetWise ในวันนี้
AssetWise เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ซึ่งกำลังจะเข้าสู่ปีที่ 18 บริษัทเติบโตจากทำบ้านทีละ 5-7 หลัง แล้วเริ่มมาทำคอนโดในช่วงประมาณปี 2556 เนื่องจากมองเห็นโอกาสจากการขยายตัวของเมือง การที่มีสายรถไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น บวกกับปัจจัยที่ดินในแนวราบที่แพงขึ้น ซึ่งเป็นต้นทุนหลักของการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัทจึงปรับตัวจากการพัฒนาอสังหาแนวราบมาเป็นแนวดิ่ง ซึ่งในช่วงแรกบริษัทอาศัยการมีพาร์ทเนอร์ที่ดี เรียนรู้การทำคอนโดกับ พาร์ทเนอร์เริ่มต้นจากตึกเล็กๆ จนปัจจุบันพัฒนาไปแล้วกว่า 30 โครงการ นับได้ว่าบริษัทมีการเติบโตแบบก้าวกระโดดในช่วง 3 ปีหลัง ซึ่งหลักๆมาจากโครงการ Kave และ Atmoz ซึ่งเป็นโครงการมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท
การที่บริษัทมีการเติบโตแบบก้าวกระโดดนี่เอง แน่นอนว่าพนักงานก็เพิ่มมากขึ้น มีคนที่มาเกี่ยวข้องมากขึ้น องค์กรมีการเติบโตในทุกๆด้าน โดยบริษัทได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่โควิดระบาดระลอกที่ 3 พอดี แต่เนื่องจากเรามีการเตรียมตัวกันอย่างหนักก่อนหน้านั้น 2-3 ปี จัดเตรียมสิ่งต่างๆให้เป็นไปตามข้อกำหนด จึงสามารถนำพาบริษัทให้ผ่านวิกฤตมาได้ และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจนถึงวันนี้
AssetWise นักพัฒนาอสังหาที่สร้างความสุข
AssetWise ชอบทำอะไรใหม่ๆ ที่ดินเหมือนกัน แปลงติดกัน เราจะไม่ออกแบบซ้ำ ในทุกโครงการเราออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เราสนุกกับการทำอะไรใหม่ๆ พยายามคิดเสมอว่าลูกค้าควรจะได้อะไร สิ่งไหนที่จำเป็น อะไรตอบโจทย์ หรือกระทั่งสิ่งที่เกินความคาดหวัง เราก็ใส่เพิ่มเติมให้ เพราะเราคิดเสมอว่าลูกค้าลงทุนซื้อบ้านหนึ่งหลัง หรือคอนโดหนึ่งห้อง นั่นคือที่อยู่ของเค้าทั้งชีวิต
สโลแกนของเราคือ We Build Happiness ดังนั้นเรามองลูกค้าเป็นหลัก แต่เราก็ให้ความสำคัญกับพนักงานภายในบริษัทด้วย เพราะเราเชื่อว่าการที่จะทำให้ลูกค้าได้รับของดีและมีความสุข สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ ทีมงานและพนักงานของเราก็ต้องมีความสุขด้วยจึงจะทำมันออกมาได้ดี ไม่มีทางที่พนักงานมีความเครียดแต่จะไปสร้างความสุขให้กับลูกค้าได้
We Build Happiness จึงเป็นสโลแกนที่ไม่ได้หยุดอยู่แค่ลูกค้าหรือพนักงานในองค์กรเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้ไปถึงพันธมิตรทางธุรกิจของเราอีกด้วย อย่างที่บอกว่าเราอาศัยการมีพาร์ทเนอร์ที่ดี เน้นการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ เราช่วยเหลือและรับฟังเสมอ สิ่งต่างๆเหล่านี้สะท้อนไปยังผลิตภัณฑ์ของเรา มันไม่ใช่แค่การได้ที่ดินมาแล้วก็สร้างโดยใช้แบบแปลนที่เหมือนกับโครงการอื่นๆ เราไม่ทำอะไรง่ายๆแบบนั้น ความใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ และความสุขของลูกค้าอยู่ใน DNA ของเรา มันทำให้ลูกค้าเห็นความแตกต่างในจุดนี้
อีกสิ่งสำคัญคือ เรามุ่งมั่นจะสร้าง Value ให้ลูกค้าให้ได้มากที่สุด Value ของเราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ที่ห้อง แต่รวมไปถึงตำแหน่งที่ตั้ง ส่วนกลางโครงการ จนไปถึงการบริการ ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่เราเน้นมาก เพราะต้องการให้ลูกค้าได้รับ Value ที่แตกต่างจากที่อื่น มันไม่ใช่แค่ขายแล้วจบ แต่ลูกค้าต้องภูมิใจในสถานที่ที่เขาอยู่ด้วย
AssetWise กับการทำ Digital Transformation
AssetWise เริ่มทำ Digital Transformation มาบ้างแล้วเป็นส่วนๆ อาทิเช่นการนำโปรแกรมเข้ามาใช้ในงานด้านบัญชี การตลาด การขาย แต่เมื่อบริษัทมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด มีพนักงานมากขึ้น กระบวนการทำงานต่างๆก็มากขึ้น บริษัทก็ต้องปรับตัวสู่ดิจิทัลมากยิ่งขึ้น
เราต้องการสร้างระบบที่สามารถเชื่อมโยงกันอย่าง Seamless พนักงานต้องสามารถที่จะ Connect ถึงกันและมีความคล่องตัวในการทำงาน จนไปถึงช่องทางที่จะสามารถติดต่อสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ระบบต้องมีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบเพื่อยืนยันความถูกต้องได้ และต้องมีความเสถียร เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืน
AssetWise Rise with SAP
ความท้าทายในการทำ Digital Transformation ของเราคือเรื่องของ Scalability เนื่องจากบริษัทของเราเติบโตอย่างรวดเร็ว สองปีที่แล้วเรามีพนักงานประมาณ 100 คน แต่พอเข้าตลาดหลักทรัพย์มีการขยายโครงการมากขึ้น พนักงานของเราเพิ่มเป็น 300 คน โปรแกรมต่างๆที่เคยใช้ได้สองปีที่แล้ว วันนี้ไม่ตอบโจทย์แล้ว และหากมองไปข้างหน้าที่เทคโนโลยีก้าวไปเร็วมากๆ หรือความต้องการของเราเองที่อาจจะขยายธุรกิจใหม่ๆในอนาคต เราจึงมองหาระบบบริหารทรัพยากรองค์กรที่สามารถพัฒนาและพร้อมขยายไปกับความต้องการของเราได้
RISE with SAP จึงเป็นคำตอบของเรา เพราะมีความเสถียร สามารถขยายส่วนต่อไปยังกระบวนการอื่นๆ จะช่วยให้เราสามารถขยายธุรกิจใหม่ๆได้ และที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของการบริการที่เรามั่นใจว่า SAP จะสามารถดูแล และให้บริการเราอย่างดีในระยะยาว มีผู้เชี่ยวชาญที่จะเข้ามาช่วยยกระดับการทำงานและพัฒนาระบบงานต่างๆให้ดียิ่งขึ้นได้ ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถพัฒนาองค์กรให้มีความยั่งยืนได้ต่อไป
I AM Consulting as a พาร์ทเนอร์
เราใช้เวลาค่อนข้างนานในการเลือกทีมที่ปรึกษา อย่างที่บอกว่าเราเน้นการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ และการเป็นพาร์ทเนอร์ที่จะร่วมเดินเคียงข้างไปกับเรา ซึ่งตรงนี้เราสัมผัสได้ว่า I AM Consulting คิดเหมือนเรา และจากประสบการณ์ของทีมที่ปรึกษา เรามั่นใจว่า I AM มีความชำนาญในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างดี ซึ่งก็จะมี Use Case ที่สามารถนำมาพัฒนาต่อยอดให้กับเราได้ การทำระบบอาจจะไม่นาน แต่ระบบจะอยู่กับเราไปอีกนาน และเราเชื่อว่า I AM Consulting จะเป็นพาร์ทเนอร์ที่ดีของเราในระยะยาว
ข้อคิดถึงผู้ประกอบการในประเทศไทยที่กำลังปรับตัวในการทำ Digital Transformation
การทำ Digital Transformation เป็นเรื่องสำคัญ ยิ่งในอนาคตที่โลกหมุนไปอย่างรวดเร็ว การสื่อสารจะมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น การทำงานต่างๆก็จะมุ่งเข้าสู่โลกดิจิทัล ดังนั้นการมีระบบการจัดการที่ดี จะช่วยให้การทำงานคล่องตัว สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้ลึกและละเอียดยิ่งขึ้น ช่วยประหยัดเวลาให้กับบุคลากร ทำให้พวกเขาสามารถที่จะใช้เวลาในการวิเคราะห์และสร้างกลยุทธ์ที่มีความสำคัญกับองค์กรได้มากยิ่งขึ้น
การลงทุนในการทำ Digital Transformation จะส่งผลดีต่อองค์กรทั้งในด้านของการลดค่าใช้จ่าย การพัฒนากระบวนการทำงาน ความก้าวหน้าของธุรกิจ และการสร้างความยั่งยืนแก่องค์กรต่อไป