"WDC" อวดโฉมนวัตกรรมกระเบื้อง ชูเทคโนโลยีไมโครเทค คุณสมบัติเด่นกันลื่นเมื่อเปียกน้ำ ผิวสัมผัสนุ่มสบายเท้าเมื่อแห้ง และกระเบื้อง คอลเลคชันใหม่ "มิ ดิ เอท" แรงบันดาลใจจาก "ดวงฤทธิ์ บุนนาค" สถาปนิกไทยรางวัลระดับโลก พร้อมโชว์ความล้ำสมัยครั้งแรกกับพาวิลเลียนรูปแบบใหม่ Thematic Pavilion ตอบโจทย์คนรักบ้าน ในงานสถาปนิก'65
นายบัณฑิต หิรัญญนิธิวัฒนา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เวสเทิร์น เดคอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดับบลิวดีซี (WDC) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์วัสดุตกแต่งพื้นและผนังระดับพรีเมียม เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ร่วมออกบูธในงานสถาปนิก'65 ซึ่งในปีนี้นับเป็นครั้งที่ 14 และมีความพิเศษโดยบริษัทฯ ได้ใช้งบประมาณกว่า 6 ล้านบาท ในการออกแบบบูธแสดงสินค้า และ Thematic Pavilion ครั้งแรกกับพาวิลเลียนรูปแบบใหม่สุดล้ำ ภายใต้คอนเซ็ปต์ "The Lord of Tiles" นำเสนอนวัตกรรมของกระเบื้องคอลเลคชันใหม่และโชว์ศักยภาพของผลิตภัณฑ์ WDC แก่ผู้เข้าชมงาน
"WDC เป็นหนึ่งใน 4 จาก 500 ราย ที่ได้รับคัดเลือกให้ตั้งพาวิลเลียนในงานสถาปนิก'65 เรียกได้ว่าในปีนี้จึงมีความพิเศษโดยคอนเซปต์ของการออกแบบพาวิลเลียนนั้น เน้นการถ่ายทอดให้ผู้ชมบูธได้สัมผัสประสบการณ์จริงในการใช้งานกระเบื้อง รวมไปถึงได้เห็นความสวยงามและคุณสมบัติพิเศษของกระเบื้อง ผ่านแนวคิดในการออกแบบของ ACA ที่เน้นการใช้องค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นพื้นผนังหรือบันได เป็นสื่อกลางที่จะทำให้ผู้เข้าชมบูธได้รับประสบการณ์พิเศษ โดยมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์คอลเลคชันใหม่ในปีนี้ จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งคุณภาพ ความสวยงาม และที่สำคัญคือนวัตกรรมที่สามารถเข้าถึงกลุ่มคนรักบ้านได้เป็นอย่างดี"นายบัณฑิต กล่าว
สำหรับไฮไลท์ของผลิตภัณฑ์ WDC ที่จะนำมาเผยโฉมในปีนี้ ได้แก่ มิ ดิ เอท คอลเลคชัน (Mediate Collection) กระเบื้อง คอลเลคชันใหม่ ที่จำลองคุณลักษณะสวยงามของหินทรายและทลายข้อจำกัดของหินทรายจริงเมื่อโดนน้ำแล้วจะเกิดรอยด่าง จากการออกแบบจาก "ดวงฤทธิ์ บุนนาค" สถาปนิกไทยรางวัลระดับโลก และการนำเสนอกระเบื้องนวัตกรรมล่าสุด ไมโครเทค เทคโนโลยี Microtec Technology มีคุณสมบัติเด่นในการกันลื่นเมื่อเปียกน้ำ แต่มีผิวสัมผัสนุ่มสบายเท้าเมื่อแห้ง ประกอบด้วย 3 คอลเลคชัน คือ Enzo ลวดลายหินปูน Lagoon ลวดลายหินทราย Legacy ลวดลายหินอ่อน
ด้านแนวทางการทำตลาดของบริษัทฯ ในปีนี้จะเน้นการนำเสนอบริการในรูปแบบครบวงจรเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า เพิ่มสัดส่วนการขายในช่องทางเดิมที่มีอยู่แล้ว มีการปรับเปลี่ยนและขยายธุรกิจโดยเริ่มไปที่ B2C ให้เข้มข้นขึ้น เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าและขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มขึ้น โดยมองไปที่กลุ่มลูกค้าโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ ที่มีความต้องการสูง ควบคู่ไปกับขยายสาขาไปในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ รวมถึงมีแผนการส่งออกไปยังต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น
สำหรับภาพรวมธุรกิจของ WDC ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมานับว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่แล้วยอดขายอยู่ที่ประมาณ 700 ล้านบาท ส่วนปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท และคาดว่าภายใน 3-5 ปีข้างหน้าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด การเติบโตดังกล่าวมาจากการทำวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับวัสดุรักษ์โลก เนื่องจากกระเบื้องเป็นวัสดุทดแทนธรรมชาติ ดังนั้น จึงให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีทำให้กระเบื้องมีรูปแบบ หน้าตาและดีไซน์ให้เหมือนวัสดุทางธรรมชาติมากที่สุด อาทิ หินอ่อนอัจฉริยะ ทำให้บริษัทฯ เป็นผู้เชี่ยวชาญในการสร้างนวัตกรรมการจำลองวัสดุทางธรรมชาตินอกจากนี้ยังช่วยลดการใช้วัสดุจากธรรมชาติได้อีกทางหนึ่ง
อย่างไรก็ดี แม้ว่าพฤติกรรมผู้บริโภคยุค Next Normal นั้น จะมีพฤติกรรมเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น แต่สำหรับอุตสาหกรรมแต่กระเบื้องนั้นพฤติกรรมผู้บริโภคยังคงต้องการสัมผัสและเห็นสินค้าจริง ขณะที่เทรนด์ตลาดกระเบื้องในปัจจุบันยังคงให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ รวมไปถึงนวัตกรรมที่เข้ามามีบทบาทอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นกระเบื้องที่เน้นความปลอดภัย กันลื่นและป้องกันแบคทีเรีย รวมไปถึงกระเบื้องที่สามารถจำลองลักษณะของหินธรรมชาติได้อยากเหมือนจริงมากที่สุด ส่วนเทรนด์ของกระเบื้องในอนาคตจะให้ความสำคัญกับรูปแบบและขนาดที่ใหญ่ขึ้นและมีความใกล้เคียงกับขนาดของหินจริงมากขึ้น เช่น 60x120 ซม. หรือ 80x80 ซม.จากเดิมที่ใช้ขนาด 60x60 ซม. #WDCInnovation #WDCImporttile #WDC #WDCtile
สำหรับผู้สนใจนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์กระเบื้อง WDC ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง https://wdc.co.th/news/wdc-at-architect-fair-2022/