บมจ.ไทยรีประกันชีวิต โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2565 กำไรสุทธิพุ่ง 150% แตะ 70 ล้านบาท กวาดเบี้ยประกันภัยต่อรับ 670 ล้านบาท เติบโตขึ้น 40% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน หลังคว้า 2 สัญญาใหม่เติมพอร์ต พร้อมรับอานิสงค์งานกลุ่มประกันสุขภาพขยายตัวดีต่อเนื่อง ขณะที่ Combined Ratio ลดลงเหลือ 90.5% ผู้บริหารส่งซิกลุยตลาดต่างประเทศเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะกลุ่ม CLMV หวังต่อจิ๊กซอว์การเติบโตแกร่ง
นายสุทธิ รจิตรังสรรค์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยรีประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ THREL เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1 ปี 2565 ว่า บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 150% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน หลังกวาดเบี้ยประกันภัยต่อรับที่ถือเป็นรายได้สุทธิไป 693 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% ตามการเติบโตของเบี้ยประกันภัยต่อรับที่เพิ่มขึ้นกว่า 40% แตะ 670 ล้านบาท ผลจากงานประกันชีวิตแบบร่วมพัฒนา (Non-Conventional) และงานประกันชีวิตแบบดั้งเดิม (Conventional) ที่ยังคงขยายตัวอย่างโดดเด่น โดยเฉพาะงานกลุ่มประกันสุขภาพ ซึ่งบริษัทฯได้มีการลงนามสัญญาใหม่เข้ามาเติมพอร์ตจำนวน 2 สัญญา แบ่งเป็น งาน Non-Conventional 1 สัญญา และงาน Conventional 1 สัญญา
สำหรับค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัยรวม 623 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่น้อยกว่าการเติบโตของเบี้ยประกันภัยต่อรับที่ถือเป็นรายได้สุทธิ โดยบริษัทฯยังคงมุ่งเน้นรักษาประสิทธิภาพการบริหารจัดการค่าใช้จ่าย และคุมเข้มความเสี่ยงในการรับงาน เพื่อควบคุมอัตราค่าสินไหมทดแทนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ส่งผลให้ Combined Ratio (COR) สำหรับไตรมาสนี้ลดลงเหลือ 90.5%
นายสุทธิ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงที่เหลือของปี 2565 บริษัทฯยังคงเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และหาโซลูชั่นใหม่ๆร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ พร้อมลุยตลาดต่างประเทศอย่างเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะกลุ่ม CLMV หลังล่าสุดได้สัญญาใหม่จากประเทศไต้หวันเข้ามาเติมพอร์ต เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ภายใต้การบริหารจัดการค่าใช้จ่าย และคุมเข้มความเสี่ยงการรับงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ปักธงรักษา Combined Ratio ให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 95% ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทฯเตรียมจ่ายเงินปันผลงวดการดำเนินงานปี 2564 เป็นเงินสดในอัตรา 0.12 บาท/หุ้น คิดเป็นวงเงินจำนวน 72 ล้านบาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นใน วันที่ 17 พฤษภาคม 2565 หลังที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2565 ได้มีมติอนุมัติ พร้อมผ่านการเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เรียบร้อยแล้ว