Production Notes ภาพยนตร์เรื่อง SIDEWAYS- Partial 3

ข่าวทั่วไป Friday January 28, 2005 16:01 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--28 ม.ค.--วอเนอร์ บราเธอร์ส
ช่อดอกไม้ไร้ที่ติ : คัดเลือกตัวแสดงของ SIDEWAYS
“มันเป็นองุ่นพันธุ์ที่ปลูกยาก ผิวบาง ไวต่อความเปลี่ยนแปลง มันไม่ได้เป็นจอมทรหดเหมือนคาเบอร์เนต์ที่ปลูกที่ไหนก็ขึ้น และงอกงามแม้ไม่ได้รับการดูแล
ปิโนต์ต้องการการดูแลความเอาใจใส่อย่างต่อเนื่อง”
- ไมลส์
ด้วยสคริปท์ที่อัดแน่นไปด้วยตัวละครที่เข้มข้นและซับซ้อน อเล็กซานเดอร์ เพย์นผู้กำกับฯ ภาพยนตร์เรื่อง SIDEWAYS ได้พบในไม่ช้าว่าเขากำลังถูกเกลี้ยกล่อมโดยบรรดานักแสดงชื่อก้องของฮอลลีวู้ด ในทางตรงกันข้าม ผู้เขียน/กำกับฯ เลือกที่จะยึดติดกับมุมมองดั้งเดิมของเขา ด้วยการเลือกใช้นักแสดงที่มีชื่อเสียงน้อยกว่า ซึ่งสามารถทำให้เรื่องราวของสองหนุ่มวัยกลางคนผู้เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงออกมาสมจริง “ผมไม่ได้ต่อต้านพวกดารา” เพย์นกล่าว “แต่ผมอยากให้หนังเรื่องนี้ทำให้เกิดความรู้สึกว่าชีวิตจริงได้ถูกสะท้อนออกมาในจอ มันทำไม่ได้ง่ายนักถ้าเรามีดาราที่หน้าตาดีมากๆ และโด่งดัง”
นั่นจึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการค้นหาอย่างมากสำหรับตัวแสดงที่สามารถสวมชีวิต และมีสัมผัสที่ใช่ในพลังความตลกขบขันของตัวละคร การค้นหาเริ่มต้นจากบุคคลที่เป็นแกนของเรื่อง ไมลส์ ชายผู้หมดสิ้นหลังจากการหย่าร้าง เสียความมั่นใจหลังจากถกปฏิเสธการเป็นนักเขียนของเขา และไขว่คว้าหาการบรรเทาทุกข์จากการค้นคว้าเรื่องไวน์อย่างมากมาย ผู้สร้างรู้ว่าพวกเขาต้องการนักแสดงที่สามารถแสดงความสับสนเหล่านี้ออกมาได้ทันที มีอารมณ์ขันแบบเหน็บแนมและยังทำให้ผู้ชมเข้าข้างเขาในเวลาเดียวกันได้ด้วย นับเป็นงานที่ท้าทายยิ่งจนกระทั่งเมื่อ พอล จีอาแมตติเดินเข้ามาเพื่อทดสอบบทเป็นครั้งแรก จิอาแมตติกลายเป็นที่รู้จักเมื่อปีกลายจากผลงานแสดงที่ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ของเขาในบทฮาร์วีย์ พีคาร์ ในหนังอินดี้เรื่องฮิต AMERICAN SPLENDOR ในตอนที่เขาอ่านบทของไมลส์ ทีมผู้สร้างได้เห็นบทบาทนี้มีเลือดเนื้อขึ้นมาต่อหน้าต่อตาของพวกเขา
“ผมรู้สึกได้ทันทีว่าพอลเหมาะสมอย่าง มาก มาก กับบทนี้” อเล็กซานเดอร์ เพย์น ผู้กำกับฯ กล่าว “ผมคิดว่านักแสดงที่เก่งที่สุดคือคนที่สามารถสร้างความประหลาดใจให้กับเราในสิ่งที่ไม่ได้คาดหวัง คิค หรือจิตนาการเอาไว้ได้เสมอ ทุกวันในกองถ่าย พอลจะทำให้เราประหลาดใจอย่างใดอย่างหนึ่ง และมันช่างมหัศจรรย์ที่ได้เฝ้าดูเขากลายเป็นไมลส์
ไมเคิล แลนดอน ก็รู้สึกคล้อยตามเช่นเดียวกัน “พอลมีวามสามารถที่หาได้ยากในการทำให้จุดอ่อนของตัวละครกลายเป็นจริงได้อย่างเหลือเชื่อ และน่ารักอยู่ในที หัวใจสำคัญก็คือใจของเราเอียงไปทางเขา เราปรารถนาให้เขาไม่เป็นไร เรารู้ว่าเขาทำให้หนังเดินไปได้ด้วยอารมณ์แรง”
จิม เทย์เลอร์ ผู้ร่วมเขียนบททยกย่องจิอาแมตติในการเดินไปของบทกับความเป็นมนุษย์นับแต่การพเนจรไปจนถึงอารมณ์ขันอย่างแท้จริง “ต้องเป็นคนที่มีจิตวิญญาณเช่นเดียวกับพอล ที่จะทำให้บทนี้สะท้อนสิ่งที่สำคัญออกมาเหนือกว่าเล่ห์กลทุกอย่าง” เทย์เลอร์กล่าว
จิอาแมตติกล่าวว่าเขาพบว่าบทนี้สนุกสนาน แม้กระทั่งการมองโลกในแง่ร้ายอย่างหัวชนฝาของไมลส์ ความกระตือรือร้นที่จะวิ่งหนี และความเป็นไปได้ที่จะทำให้ความปรารถนาและฝันที่เขาเฝ้าฟูมฟักมลายหายไปสิ้น “ไมลส์เป็นตัวละครที่ตลกอย่างน่าแปลกใจที่จะเล่นในหลายรูปแบบ” นักแสดงหนุ่มกล่าว “แม้ว่าเขาจะทำให้สิ่งที่ไม่น่าเห็นใจบางอย่างด้วย” นักแสดงกล่าว ผมพบว่าเขาน่าขันแบบร้ายๆ อย่างหลายซับหลายซ้อน และปรารถนาอย่างยิ่งที่จะเป็นอะไรมากไปกว่าปานกลาง เขาเป็นคนที่มีความซับซ้อนมากมาย และความสัมพันธ์ทุกเรื่องของเขาก็ซับซ้อนตามไปด้วยอย่างแน่นอน — กับแจ็ค กับแม่ของเขา กับอดีตภรรยา และโดยเฉพาะกับมายา ผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน มันเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างน่าอัศจรรย์ที่จะแจกแจงถึงไมลส์”
ในความเป็นจริง จิอาแมตติเริ่มต้นอย่างคอไวน์มือใหม่ขนานแท้ “ผมไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับไวน์” เขายอมรับ ผมเป็นคนหนึ่งในประเภทที่ว่า อะไรก็ได้ที่ออกมาจากกล่อง ผมไม่สนตราบเท่าที่มันมีแอลกอฮอล์อยู่ในนั้น! แต่สิ่งที่ทำให้ผมสนใจเกี่ยวกับไวน์ในหนังเรื่องนี้ ไมได้เป็นไวน์แต่การที่มันกลายมาเป็นสัญญลักษณ์ส่วนหนึ่งของไมลส์ มันสำคัญกับเขามากที่จะออกมาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ชั้นสูง แม้ว่าเขาจะเป็นครูผู้มีปัญหาและเพิ่งผ่านการหย่าร้าง”
อีกหนึ่งในความโดดเด่นของตัวละครที่มีต่อจิอาแมตติ คือสัมพันธภาพแบบหยิน-หยางของไมลส์กับแจ็ค — เป็นการถ่ายทอดอย่างลึกซึ้งของงมิตรภาพระหว่างผู้ชายและปัญหาทุกหย่าง “มันมีความเป็นลอเรลกับฮาร์ดี้อยู่ระหว่างไมลส์กับแจ็ค แต่ก็ยังมีอีกหบายอย่างที่เราสามารถสื่อได้ในความสัมพันธ์ของพวกเขา” เขากล่าว “ผมคิดว่าเราหลายคนมีมิตรภาพแบบนี้ อาจเป็นใครสักคนที่พบกันในวิทยาลัย ที่มีสายสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นและเกือบจะดูลึกลับ แม้ว่ามันอาจดูไม่ชัดเจนเสมอไปว่าทำไมมิตรภาพจึงยืนยาว เรื่องหลักของไมลส์กับแจ็คก็คือพวกเขาติดกันเพราะต่างก็ได้จากอีกฝ่าย แน่นอนว่าพวกเขาอิจฉากันและขัดแย้งกัน แต่ไมลส์ได้รับพลังจากแจ็ค และแจ็คได้ความหนักแน่นจากไมลส์ และอย่างฉับพลัน นี่เป็นเวลาที่มิตรภาพของพวกเขาจะเปลี่ยนไป ซึ่งพวกเขาไม่จำเป็นต้องพร้อมสำหรับมัน
ในภาพยนตร์เรื่องนี้เพย์นติดตามไมลส์ด้วยการเผยความลับ ทำให้ผู้ชมได้เห็นความน่าเบื่อ และบ่อยครั้งที่บอกเล่าถึงชีวิตของไมลส์ ตั้งแต่การพูดอ้อนวอนทางโทรศัพท์กับอดีตภรรยาของเขาในขณะที่เมามาย หรือวิ่งไปวักน้ำสาดหน้าตัวเองในห้องน้ำ ในช่วงเวลาวิกฤติระหว่างการออกเดทครั้งแรกกับมายา “มันเป็นเรื่องธรรมดาโลกอย่างที่สุดที่เราได้พบในบุคลิกของไมลส์” ลอนดอนบอก “พอลเปิดเผยช่วงเวลาเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้อย่างตรงไปตรงมา และสะท้อนถึงเราทุกคน”
บางทีสิ่งที่น่าเกรงกลัวที่สุดสำหรับการรับบทนี้ของจิอาแมตติ คือการเผยถึงความสัมพันธ์ของไมลส์และมายาสาวเสริฟที่แสนเย้ายวน ซึ่งรับบทโดยนักแสดงสาวเวอร์จิเนีย แมดเส็น “ผมนึกอยู่ตลอดว่า ‘ไม่มีใครที่จะยอมให้ผู้ชายอย่างผมได้แอ้มเธอ” จิอาแมตติหัวเราะ “แต่เธอเป็นมายาได้อย่างยอดเยี่ยมจนทำให้ผมรู้สึกสบายๆ เธอมีความเรียบง่ายและตรงๆ และติดดิน มันกลายเป็นเรื่องง่ายที่จะเห็นได้ว่าแม้แต่ไมลส์เองยังหลงเพริดไปได้”
เมื่อคัดเลือกไมลส์ได้แล้ว ก็ยังมีความท้าทายที่ทีมผู้สร้างต้องเผชิญในการเสาะหาแจ็คที่สามารถต่อกรกันได้ อเล็กซานเดอร์ เพย์น ได้ขอให้โทมัส เฮเดน เชิร์ช มาทดสอบบท จากที่เคยได้เห็นนักแสดงหนุ่มทดสอบบทมาก่อนหน้านี้หลายครั้ง และต้องการคัดเลือกเขากับบทที่เหมาะสม แพย์นรู้สึกว่า แจ็ค คือบทที่ว่านั้น “พอผมได้เห็นเขาทดสอบบท ผมก็นึกไม่ออกว่าจะมีใครอื่นสำหรับบทนี้” ผู้กำกับฯ ให้ความเห็น “อารมณ์ขัน หน้าตาที่หล่อสุดๆ ความน่าหวัเราะของเขา และเขายังมีประสบการณ์ทางโทรทัศน์อย่างมาก ทั้งหมดเป็นการผสมผสานกันที่น่าสนใจกับตัวละคร
ทีมผู้สร้างยังถูกล่อลวงด้วยความน่าชื่นชมที่มีมาแต่กำเนิดของเชิร์ช ซึ่งดูจะสะท้อนส่วนสำคัญในตัวแจ็คได้ดีที่สุด “โทมัสมีเสน่ห์มากจนสามารถเอาตัวรอดไปได้จากนิสัยเสียทั้งหลายแหล่ และเราก็ยังชอบเขาอยู่” ไมเคิล ลอนดอนกล่าว “ ไม่ว่าแจ็คจะทำเสียเรื่องหรือหลอกสวงในบางเวลา เราจะพบว่าตัวเองให้อภัได้เพราะกวิธีที่โทมัสแสดงเป็นเขาด้วยความอ่อนหวานและอ่อนไหว
สำหรับเชิร์ช บทนี้ช่างเหมือนเขาอย่างแรง “ผมเหมือนแจ็คมากกว่าที่ผมรู้ตัว“ เขายืนยัน “มีหลายอย่างที่เป็นเรื่องของแจ็คที่สะท้อนชีวิตของผม — มันเป็นเรื่องง่ายที่จะทอดสมอตรงกลางเรื่องของเจ็คและถ่วงให้หนักๆ แจ็คเป็นผู้ชายวัย 40 กว่าที่มาถึงจุดของการสิ้นสุดในชีวิต — อาชีพ อารมณ์ และความสัมพันธ์ และสิ่งที่น่าสนใจก็คือในการเดินทางครั้งนี้เขาพยายามหาทางที่จะฝ่าผ่านทุกอย่างภายในหนึ่งอาทิตย์ และได้ผลออกมาอย่างเลวร้าย”
เชิร์ชยังได้พบว่ามีความสนุกสนานอย่างมากในการปรับตัวให้เป็นแบบไม่น่าไว้ใจที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวละครนี้ “สิ่งที่เกี่ยวกับแจ็คก็คือเขาเชื่ออย่างจริงจังในทุกอย่างขณะที่เขาพูด” นักแสดงหนุ่มอธิบาย “เมื่อไหร่ก็ตามที่กระแสลมแห่งการเปลี่ยนแปลงพัดผ่านเขา เขาจะยึดมันไว้และพูดว่า ‘โอ้โฮ นี่เป็นเรื่องที่ลึกซึ้งมาก’ ซึ่งอาจจะเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับอะไรที่เขาเจอเมื่อวันก่อน ผมคิดว่าเรารู้จักคนประเภทนี้ แต่แจ็คจะเอนเอียงไปกับความเป็นจริงในอารมณ์ของเขาและจะตั้งคำถามกับทุกอย่างในชีวิต ในการเดินทางครั้งนี้ เขาเริ่มที่จะตั้งคำถามกับความมีคุณค่าของตนเองไปทุกเรื่อง ซึ่งเมื่อ 48 ชม.ที่แล้วมันเป็นทั้งชีวิตของเขา”
สุดท้ายแล้วเชิร์ชเชื่อว่าทั้งแจ็คและไมลส์เปลี่ยนแปลงไปอย่างที่ลบล้างไม่ได้หลังการเดินทางของพวกเขา แม้ว่าจะไม่เป็นแบบที่ชัดเจนก็ตาม “ผมคิดว่าทั้งแจ็คและไมลส์ได้รับบทเรียนที่ลึกซึ้ง แม้ว่าการเดินทางของพวกเขาจะต้องเจอกับการหักเลี้ยวที่มืดหม่นและโง่เง่าบ้าง” เชิร์ชตั้งข้อสังเกตุ “พวกเขาเรียนรู้บางอย่างจากกันและกัน และเกี่ยวกับตัวพวกเขาและเดินหน้าต่อไป ผมชอบหนังที่เป็นช่วงเวลาที่เป็นจริงของชีวิตกับเรา”
เมื่อเชิร์ชและจิอาแมตติได้พบกัน ความเข้ากันได้ของทั้งสองหนุ่มนั้นมีทั้งความตลกขบขันและการส่งเสียงใส่กันอย่างเผ็ดร้อนที่เพย์นคาดหวังเอาไว้ “ตามธรรมดาแล้วเวลาที่เราคัดตัวแสดงหนังคู่หู เราจะต้องให้นักแสดงมาทดสอบบทร่วมกัน” เพย์นกล่าว “แต่ผมไม่สามารถเอาทั้งสองคนนี้มาพร้อมกันเพื่อดูความเข้ากันได้ ผมมีแค่ข้อมูลบนความเป็นจริงที่ว่ามันจะออกมาดี — แล้วก็เป็นอย่างนั้น โทมัสกับพอลเป็นคนที่ตลกอย่างมากทั้งคู่ในชีวิตจริง และอารมณ์ขันและความเข้าใจที่มีต่อตัวละครของเขาทั้งสองเข้ากันได้อย่างดีเยี่ยม”
ก่อนหน้าที่จะเริ่มถ่ายทำ ได้มีการทดสอบมิตรภาพบนเส้นทางเมื่อเพย์นและผู้ร่วมอำนวยการสร้าง จอร์จ พาร์รา จัดให้เชิร์ชและจิอาแมตตินั่งในรถซาบด้วยกันเป็นเวลา 10 ช.ม. ในการถ่ายทำฉากขับรถ “ครึ่งทางตลอดช่วงเช้าของวันนั้นพวกเขาไม่อยากลงจากรถ และเราได้ยินแต่เสียงหัวเราะและเล่าเรื่องตลก มันดูเหมือนพวกเขารู้จักกันมากว่า 20 ปีแล้ว” พาร์ราทบทวน
จิอาแมตติสรุปว่า : “โทมัสกับผมมีมิตรภาพที่เข้ากันได้ทันทีทันใด เขาเป็นคนที่ตลกที่สุด และเก่งที่สุดคนหนึ่งที่ผมเคยพบมา และเราเข้ากันได้ทันที ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องทำเพื่อให้ตัวละครเหมือนจริงและมีชีวิต”
ความเข้ากันได้นั้นยังสืบเนื่องไปถึงอีกสองหญิงที่เป็นต้นเหตุของการเดินทางอ้อมที่โรแมนติคของไมลส์และแจ็ค : มายา สาวเสริฟผู้ชอบดื่มเหล้าองุ่นและ สเตฟานี่ สาวรินไวน์ผู้เย้ายวนใจ เพย์นได้พบกับนักแสดงสาวหลายคนก่อนหน้าที่จะได้เจอกับคนที่ใช่ซึ่งจะรับบทมายา แต่เขาบอกว่าเขารู้เกือบจะทันทีที่ได้พบกับเวอร์จิเนีย แมดเส็น ว่าเธอเหมาะสมกับบทเป็นที่สุด “ผมชอบเธอมานาน” เขากล่าวถึงแมดเส็น แล้วตอนที่เราทดสอบบทนักแสดงหญิงสำหรับบทนี้ และผมกำลังดูรายชื่อกับรูป 8 x 10 อยู่กับผู้กำกับการคัดตัว เขาก็บอกว่า ‘ดูรูปนี้สิ ดูตาเธอสิ มันดูเหมือนเธอผ่านมาหมดแล้วไหม?’ และผมก็ว่า ‘ใช่ เรียกตัวเธอมาสิ’
มีการทำสัญญาในเวลาไม่นานต่อมา ผู้อำนวยการสร้างลอนดอนกล่าว “เวอร์จิเนียสวย น่ารัก อบอุ่น และเป็นของจริงอย่างเหลือเชื่อ ซึ่งทั้งหมดเป็นคุณสมบัติที่สำคัญทั้งหมดของมายา ความอบอุ่นและเต็มไปด้วยจิตใจอย่างจริงจังของเธอคือสิ่งที่ทำให้เข้ากันได้อย่างทันทีกับตัวละครของพอล เราจะเห็นได้ว่าในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เธอสามารถรู้สึกได้ถึงความจ็บปวดและอกหักของเขา”
สำหรับแมดเส็น สคริปท์เป็นการออกเดินทางที่โดดเด่นจากทุกเรื่องที่เธอเคยอ่าน “มีบางตอนที่ตลกมาเสียจนทำให้ร้องไห้ และตอนที่เศร้ามากจนตลก” เธอเล่า เหนืออื่นใด เธอถูกดึงดูดสู่มายา ตัวละครหญิงโสดที่เป็นทุกอย่านอกจากคร่ำครึ “มายาไม่เหมือนใครที่ฉันเคยเล่นมาก่อน” เธอบอก “ฉันชอบมากที่เธอไม่ได้ถูกชีวิตทำร้าย เธอผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แต่เธอก็เริ่มต้นใหม่ เธออาจแกว่งไปเล็กน้อย เจอเรื่องหนักๆ แต่เธอไม่ยอมแพ้ เธอสำนึกได้ว่ายอมเหงาดีกว่าอยู่กับคนแย่ๆ”
แมดเส็นกล่าวต่อว่า : “ฉันยังชอบรูปแบบความรักที่เธอมีต่อไมลส์ มันเป็นมิตรภาพที่ก่อตัวขึ้นระหว่างทั้งคู่ ฉันคิดว่าตอนเรกมายาเห็นไมลส์เป็นผู้ชายที่เป็นศิลปิน ที่เอาแต่พร่ำบ่น แต่เธอชอบฟังเขาคุยอย่างมาก และเธอชอบวิธีที่เขารู้สึกอึดอัด เธอพบว่าเขาน่ารัก....และฉันก็เช่นกัน”
แมดเส็นสนุกสนานเป็นพิเศษกับโอกาสที่ได้ร่วมงานอย่างใกล้ชิดกับพอล จิอาแมตติ ”เขาเป็นนักแสดงที่ตลกและมีพรสวรรค์ ฉันรู้สึกว่าถูกยกระดับขึ้นมาทันที” เธอบอก “และฉันชอบมัน ฉันชอบความท้าทายของมัน และฉันชอบเรียนรู้ทุกวันจากคนอย่างพอล ฉันรู้สึกอย่างจริงจังว่าฉันเป็นนักแสดงที่ดีขึ้นดว่าเดิมหลังจากหนังเรื่องนี้”
ทีมสี่สหายที่เริ่มด้วย พอล จิอาแมตติ, โทมัส เฮเดน เชิร์ช และเวอร์จิเนียร์ แมดเส็น สมบูรณ์ด้วยแซนดร้า โอ ในบทสเตฟานี สาวเซ็กซี่ที่ถูกหักหลังและต้องการแก้แค้น นับตั้งแต่ที่เขาเริ่มอ่านนิยายของเร็กซ์ พิคเค็ต เพย์นก็มีโอ — ซึ่งบังเอิญเป็นภรรยาของเขา — อยู่ในใจสำหรับบทสเตฟานี สาวเซ็กซี่ที่ถูกหักหลังและในที่สุดก็ต้องการแก้แค้น
“แซนดร้าเป็นนักแสดงที่เต็มไปด้วยอิสระเสรี ที่เราจะเชื่อได้ว่าเธอเป็นคนหุนหันพลันแล่น อารมณ์ร้าย และสูญเสียมากจนสามารถตกหลุมรักแจ็คได้” ไมเคิล ลอนดอน กล่าว “และเรายังจะได้รับความบันเทิงอย่างมากเมื่อเธอได้รู้ความจริงและระบายความโกรธใส่แจ็ค”
โอรู้ตั้งแต่แรกว่าอะไรในเรื่องนี้ที่ดึงดูดใจเพย์น “มันเป็นคอมเมดี้ที่ตลก ฉลาด และซื่อตรง” เธอบอก “ฉันคิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับการสำรวจจิตใจของผู้ชาย และวิธีการที่ผู้หญิงจะรับมือกับจิตใจผู้ชาย! มันเป็นเรื่องของผู้ชายสองคนที่ไม่ยอมโต และต้องการกันและกันเพื่อเอาตัวรอด — และเป็นการตั้งข้อสงสัย ‘ฉันทำอะไรกับชีวิตและฉันกำลังจะไปไหน?’”
สำหรับโอ ส่วนที่ไม่ธรรมดาที่สุดของเรื่อง SIDEWAYS ก็คือการได้ร่วมเป็นหนึ่งในสี่คนที่เข้ากันได้อย่างน่าสงสัย “พอล โทมัส เวอร์จิเนีย และฉัน ต่างผูกพันต่อกันและกันมากเสีย จนความน่าสนใจและเป็นธรรมชาติเกิดขึ้นเองระหว่างพวกเราตอนที่กล้องเริ่มเดิน” เธอบอก “ฉันไม่อยากจะอธิบายอะไรมาก แต่มันเป็นบางอย่างที่อเล็กซานเดอร์ใส่ไว้ในหนังเกี่ยวกับคนสี่คนที่ชื่นชอบกับอีกฝ่ายโดยัญชาติญาณซึ่งเป็นสิ่งสุดพิเศษ
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
Viroj Laorungreungchai
Tel. 66-2-631-1218 ext.125
Fax 66-2-236-4834--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ