PwC เผยรายงานผลสำรวจผู้นำธุรกิจครอบครัวรุ่นใหม่ไทย พบเกือบสองในสามมองการขับเคลื่อนธุรกิจให้กลับมาเติบโตเป็นภารกิจสำคัญสูงสุด ขณะที่การนำเทคโนโลยีมาใช้-พัฒนาความสามารถด้านดิจิทัลให้กับพนักงาน เป็นเรื่องเร่งด่วนไม่แพ้กัน พร้อมชี้วิกฤตโควิด-19 มีส่วนทำให้แผนการสืบทอดตำแหน่งต้องชะลอหรือเลื่อนออกไป แต่กระตุ้นให้ผู้นำรุ่นใหม่และรุ่นปัจจุบันสื่อสารและร่วมมือกันมากกว่าที่เคย
นาย นิพันธ์ ศรีสุขุมบวรชัย หัวหน้ากลุ่มลูกค้าธุรกิจครอบครัว และหุ้นส่วนสายงานภาษีและกฎหมาย บริษัท PwC ประเทศไทย เปิดเผยถึง รายงานผลสำรวจผู้นำธุรกิจครอบครัวรุ่นใหม่ ประจำปี 2565 ฉบับประเทศไทย ครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรายงานผลสำรวจ Global NextGen Survey 2022 โดยมีผู้ตอบแบบสำรวจทั่วโลกจำนวนทั้งสิ้น 1,036 รายจาก 68 ประเทศและอาณาเขต รวมถึงประเทศไทย จำนวน 40 รายว่า การบรรลุการเติบโตของธุรกิจ เป็นภารกิจเร่งด่วนสำหรับผู้นำรุ่นใหม่ (เน็กซ์เจน) ไทยหลังจากนี้ไป โดย 63% จัดให้การเติบโตของธุรกิจหลังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นภารกิจสำคัญอันดับแรกที่ให้ความสนใจ ตามมาด้วยการขยายธุรกิจไปสู่ภาคส่วนหรือตลาดใหม่ (50%) เป็นภารกิจสำคัญอันดับที่สอง
"สถานการณ์โลกในปัจจุบัน ทำให้การประคับประคองธุรกิจครอบครัวให้อยู่รอดจากรุ่นสู่รุ่นเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก ผลจากการสำรวจของเราพบว่า วันนี้ผู้นำเน็กซ์เจนรุ่นใหม่ไม่ได้มองเรื่องความอยู่รอดเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องการขับเคลื่อนกิจการด้วยพลังความคิด ความสามารถด้านดิจิทัล และทักษะใหม่ ๆ ที่พวกเขามี โดยคำนึงถึงการสร้างสมดุลทั้งในมิติทางการเงิน สังคม และสิ่งแวดล้อม" นาย นิพันธ์ กล่าว
นอกจากนี้ การพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลของพนักงาน และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ยังเป็นอีกภารกิจเร่งด่วนที่ผู้นำเน็กซ์เจนไทยจะเร่งดำเนินการทันทีเพื่อยกระดับความสามารถขององค์กร และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า รวมถึงเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันกับคู่แข่ง โดยผลสำรวจของ PwC ระบุชัดเจนว่า 35% ของผู้นำรุ่นใหม่ไทย มีความมั่นใจในความสามารถด้านดิจิทัลของตน ซึ่งสูงกว่าผู้นำรุ่นปัจจุบันที่ 28% ขณะที่ 33% เชื่อว่า ผู้นำรุ่นปัจจุบันยังคงไม่เข้าใจโอกาสและความเสี่ยงทางดิจิทัลที่อาจส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจครอบครัว
โควิด-19 กระตุ้นความร่วมมือของผู้นำทุกรุ่นเพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ
นาย นิพันธ์ กล่าวว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้เกิดความร่วมมือกันมากขึ้นระหว่างผู้นำรุ่นใหม่และผู้นำรุ่นปัจจุบัน เพื่อแก้ไขปัญหาและรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้นกับธุรกิจ โดยเกือบครึ่งของผู้นำเน็กซ์เจนไทย (45%) กล่าวว่า พวกเขารู้สึกมีความมุ่งมั่นในการทำธุรกิจมากขึ้นกว่าตอนก่อนเกิดการระบาด และปัจจุบันได้มีส่วนร่วมในกิจการของครอบครัวมากขึ้น ขณะที่การสื่อสารระหว่างสมาชิกภายในครอบครัวเกี่ยวกับตัวธุรกิจก็มีมากขึ้นด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดี การวางมือจากธุรกิจของผู้นำรุ่นปัจจุบันยังเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก โดย 57% ของผู้ถูกสำรวจกล่าวว่า ผู้นำรุ่นปัจจุบันยังไม่พร้อมที่จะเกษียณในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด ขณะที่ 18% ของผู้นำเน็กซ์เจนไทยกล่าวว่า โควิด-19 เป็นสาเหตุที่ทำให้แผนการสืบทอดตำแหน่ง (Succession planning) ของพวกเขา ต้องชะลอหรือเลื่อนออกไป ซึ่งสูงกว่าผู้นำรุ่นใหม่ทั่วโลกที่ 12%
"แม้ธุรกิจครอบครัวของไทยหลายราย จะมีแผนการสืบทอดตำแหน่งและให้ผู้นำรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาแผน แต่คงต้องยอมรับว่า ผู้นำรุ่นปัจจุบันอาจจะยังลังเล และไม่อยากที่จะส่งมอบกิจการให้ผู้นำรุ่นใหม่ขึ้นมาบริหารแทนในภาวะแบบนี้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า succession จะไม่เกิดขึ้นในอนาคต สิ่งที่ผู้นำเน็กซ์เจนทำได้ตั้งแต่ตอนนี้ คือ แสดงให้ผู้นำรุ่นปัจจุบันเห็นถึงทักษะและความสามารถของตัวเองที่พร้อมจะขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโต รวมทั้งโชว์ความเป็นผู้นำเพื่อสร้างความมั่นใจและการยอมรับ" เขา กล่าว
ผู้นำธุรกิจครอบครัวรุ่นใหม่ใส่ใจความยั่งยืน
ยิ่งไปกว่านั้น การแพร่ระบาดครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นยังกระตุ้นให้การดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) ได้รับความสนใจจากธุรกิจทั่วโลกอย่างกว้างขวาง รวมถึงธุรกิจครอบครัวด้วย โดยรายงานของ PwC พบว่า เกือบสองในสาม หรือ 68% ของผู้นำรุ่นใหม่ไทยเชื่อว่า ธุรกิจของตนต้องแสดงความรับผิดชอบในการรับมือกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งใกล้เคียงกับผู้นำรุ่นใหม่ทั่วโลกที่ 71% ขณะที่เกินกว่าครึ่งเชื่อว่า การสร้างความเชื่อมั่นด้านความยั่งยืน คือ หัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจในอนาคต
"ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่เราเห็นผู้นำรุ่นใหม่ หันมาสนใจการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงผลกระทบด้านอีเอสจี โดยไม่โฟกัสเฉพาะการสร้างกำไร และผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ทำให้ความคาดหวังของสังคมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียนั้นเปลี่ยนไปมาก นี่จึงเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายที่เน็กซ์เจนจะได้แสดงความสามารถให้ผู้นำรุ่นปัจจุบันเห็นว่า พวกเขาจะช่วยนำพาธุรกิจครอบครัวให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปได้อย่างไรภายใต้การดำเนินธุรกิจที่ยึดแนวทางของอีเอสจี" นาย นิพันธ์ กล่าว