'บมจ.พริมา มารีน' หรือ ("PRM") เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/65 ทำรายได้รวม 1,474.4 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 302.2 ล้านบาท เติบโต 1.2% และ 71.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ (QoQ) ระบุกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งในประเทศและธุรกิจ FSU เป็นกลับมาฟื้นตัว ประเมินกลุ่มธุรกิจ Offshore และกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งปิโตรเลียมระหว่างประเทศเติบโตเด่น ดันผลงานครึ่งปีหลังเติบโตก้าวกระโดด
นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) ("PRM") ผู้ให้บริการขนส่งและจัดเก็บผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และปิโตรเคมีเหลวทางเรือรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เปิดเผยถึงภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2565 ว่าบริษัทฯ สร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้ต้องเผชิญความท้าทายทางธุรกิจ สะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งในฐานะที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมฯ โดยทำรายได้รวม 1,474.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.2% และมีกำไรสุทธิ 302.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ (QoQ) ซึ่งปัจจัยความสำเร็จมาจากพอร์ตกองเรือที่หลากหลายและมีความแข็งแกร่ง โดยกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งภายในประเทศมีอัตราขยายตัวได้อย่างโดดเด่น จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มมากขึ้นภายหลังการผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 และกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งและกักเก็บปิโตรเลียมทางทะเล (FSU) ที่เริ่มกลับมาฟื้นตัว
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังบริหารจัดการโดยเน้นความยืดหยุ่นเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ รับกับปัจจัยเชิงบวกที่ภาครัฐมีนโยบายผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 และเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว ซึ่งจะทำให้อัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศมีทิศทางปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มน้ำมันเครื่องบิน Jet A1 ผนวกกับแนวโน้มราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ทำให้ความต้องการใช้เรือในกลุ่มธุรกิจ FSU เพิ่มขึ้น เป็นผลให้อัตราการใช้เรือโดยรวมดีขึ้นเช่นกัน ซึ่งช่วยสนับสนุนให้ภาพรวมผลการดำเนินงานเติบโตตามแผน
"เราประสบความสำเร็จในการดำเนินงานในไตรมาส 1/2565 เป็นอย่างดี อันเป็นผลจากการบริหารพอร์ตกองเรือซึ่งช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้ รวมถึงการบริหารจัดการด้านค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เราสามารถทำอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้นและสนับสนุนให้ผลงานของเราเติบโตได้ดี สะท้อนถึงความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ได้เป็นอย่างดี" นายวิริทธิ์พล กล่าว
ส่วนแนวโน้มการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถผลักดันการเติบโตที่ดีได้ เห็นได้จากสัญญาณภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศที่มีแนวโน้มฟื้นตัว หลังสถานการณ์โควิด-19 ภายในประเทศคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีและการเปิดประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว ทำให้ความต้องการใช้พลังงานเชื้อเพลิงภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้น เป็นปัจจัยเชิงบวกต่อการดำเนินงานของ PRM ในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยบริษัทฯ มั่นใจว่าจะรักษาอัตราการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มธุรกิจ Offshore จะเป็นอีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจที่เข้ามาช่วยผลักดันการขยายตัวต่อจากนี้ หลังเข้ารับงานให้บริการเรือ Crew Boat เพิ่มเติมจำนวน 9 ลำ แก่ ปตท.สผ. ด้วยสัญญาระยะยาว 5 ปี ซึ่งเมื่อรวมกับที่ให้บริการอยู่แล้วจำนวน 4 ลำ จะทำให้อัตราการใช้เรือ Crew Boat จำนวนทั้งสิ้น 13 ลำ เต็ม 100% ตั้งแต่กลางไตรมาส 2/2565 เป็นต้นไป อันจะสนับสนุนเป้าหมายทั้งปีให้เติบโตได้ตามแผนที่วางไว้