STARK ประสบความสำเร็จปิดจองซื้อหุ้นกู้ หลังผู้ลงทุนสถาบัน-รายใหญ่แห่จองซื้อล้น สะท้อนศักยภาพผู้ผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลที่มีชื่อเสียงระดับโลก

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 13, 2022 11:44 —ThaiPR.net

STARK ประสบความสำเร็จปิดจองซื้อหุ้นกู้ หลังผู้ลงทุนสถาบัน-รายใหญ่แห่จองซื้อล้น  สะท้อนศักยภาพผู้ผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลที่มีชื่อเสียงระดับโลก

บมจ. สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น หรือ STARK ประสบความสำเร็จสำหรับการขายหุ้นกู้ทั้ง 3 ชุด ตามเป้าหมายที่ 4,500 ล้านบาท โดยต้องเพิ่มหุ้นกู้สำรองเพื่อการเสนอขาย (Greenshoe) อีกจำนวน 23.1 ล้านบาท รวมมูลค่าออกหุ้นกู้ 4,523.10 ล้านบาท หลังได้รับความสนใจทั้งจากผู้ลงทุนสถาบันและ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ โดยมองเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจ ผ่านกิจการที่มีความมั่นคง และมีศักยภาพในการเติบโต ตอกย้ำการเป็นผู้ผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลที่มีชื่อเสียงในระดับโลก ที่เตรียมตัวขึ้นแท่น Top 10 ของโลกในอนาคต พร้อมเดินหน้าผลักดันผลงานปีนี้สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องแตะ 30,000 ล้านบาท

นายประกรณ์ เมฆจำเริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ผู้นำด้านการผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ ในการเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2565 จำนวน 3 ชุด มูลค่าไม่เกิน 4,500 ล้านบาท โดยหลังจากเปิดเสนอขายระหว่างวันที่ 9 - 11 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา มีผู้ลงทุนแสดงความต้องการจองซื้ออย่างคึกคักมากกว่าจำนวนหุ้นกู้ที่จัดสรรไว้ ส่งผลให้ต้องตัดสินใจเพิ่มส่วนสำรองการเสนอขาย (Greenshoe) อีก 23.1 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าการออกหุ้นกู้ที่ 4,523.1 ล้านบาท สะท้อนถึงเชื่อมั่นของผู้ลงทุนที่มีต่อฐานะการเงินและโอกาสเติบโตของบริษัทฯ ในการเป็นผู้ผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลที่มีชื่อเสียงระดับโลก โดยมี 6 สถาบันการเงิน ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารทหารไทยธนชาต ธนาคารยูโอบี บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ และมี บลจ.เอเชีย เวลท์ เป็นนายหน้าซื้อขายตราสารหนี้

ทั้งนี้ การเสนอขายหุ้นกู้ดังกล่าวแบ่งเป็น 3 ชุด โดยหุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 270 วัน จำนวน 1,500 ล้านบาท ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.90% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 2 ปี จำนวน 1,701.1 ล้านบาท ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2567 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.80% ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 3 ปี จำนวน 1,322.0 ล้านบาท ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2568 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.00% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ โดยได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือองค์กรโดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ที่ "BBB+" แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2564 สะท้อนถึงความแข็งแกร่งในการดำเนินงานของบริษัทฯ ในฐานะผู้ผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

"การเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ เราต้องขอขอบคุณผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ทุกท่านที่มอบความไว้วางใจ ในการตอบรับหุ้นกู้ STARK ถือเป็นการลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทที่มีความเสี่ยงระดับ investment grade และมีผลตอบแทนที่เหมาะสม ผ่านบริษัทที่มีการกำกับดูแลกิจการที่ดีและมีศักยภาพในการเติบโตสูงในอนาคต ซึ่งต้องขอขอบคุณผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้และนายหน้าซื้อขายตราสารหนี้ทั้ง 6 ราย ที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในครั้งนี้ โดยหลังจากนี้ บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ไปใช้ชำระคืนสินเชื่อธนาคารและหุ้นกู้ของผู้ออกหุ้นกู้หรือบริษัทในกลุ่ม ใช้ชำระคืนหุนกู้ของบริษัทย่อย และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจทั่วไป" นายประกรณ์ กล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร STARK กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ มั่นใจว่าเป้าหมายรายได้ปี 2565 คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท จากปี 2564 ที่มีรายได้รวม 27,093 ล้านบาท นับเป็นการสร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ตอกย้ำศักยภาพการบริหารงานของทีมผู้บริหาร นอกจากนี้ STARK ยังเตรียมความพร้อมเพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ผ่านกลยุทธ์ ได้แก่ 1. มุ่งเน้นกลุ่มสินค้า High Margin เช่น สายไฟฟ้าประเภท Medium / High / Extra High voltage ที่มีความต้องการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสายไฟสำหรับระบบการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Photovoltaic cable) ที่ได้มาตรฐานระดับโลก ตลอดจนการพัฒนาสายเคเบิ้ลใต้น้ำ (Submarine cable) ที่มีความต้องการที่เพิ่มขึ้นมากจากโครงการพลังงานทดแทนต่าง ๆ เช่น กังหันลมเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าที่ติดตั้งในทะเล (Offshore wind turbine) แผงโซลาร์เซลล์บนโครงสร้างที่ลอยอยู่ในน้ำ (Floating solar) เป็นต้น

2. การลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของโรงงานในประเทศไทยและเวียดนามอย่างต่อเนื่อง และ 3. เพิ่มโอกาสในตลาดต่างประเทศ โดยในปี 2564 บริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกประมาณ 16.1% จากการส่งออกประมาณ 42 ประเทศ โดยบริษัทฯ คาดว่าสัดส่วนรายได้จากการส่งออกจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 10 - 12% จากการส่งออกประมาณ 50 ประเทศ ทั้งนี้เพื่อสร้างการเติบโตขององค์กรอย่างมั่นคงในระยะยาวและสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจ ให้แก่ผู้ถือหุ้นต่อไป โดยเชื่อว่าธุรกิจส่งออกผลิตภัณฑ์สายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลของบริษัทฯ จะสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ เพื่อตอกย้ำว่า STARK เป็นผู้นำด้านการผลิตสายไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเป็นผู้ผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลอันดับ 14 ของโลก พร้อมกันนี้ยังมีเป้าหมายมุ่งสู่ผู้ผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลเป็นอันดับที่ 10 ของโลกต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ