บริษัท ดู เดย์ ดรีม จำกัด (มหาชน) หรือ DDD ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก อุปกรณ์ตกแต่งทรงผม อุปกรณ์เสริมความงาม ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์เครื่องครัว แบรนด์ดัง อาทิ SNAILWHITE, NAMU LIFE PLUS, OXE'CURE, SPARKLE, LESASHA, JASON, EMJOI, BEAR และ @HOME รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2565 ด้วยยอดขายเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน ร้อยละ 23 สวนทางกับต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ลดลงในอัตราส่วนกว่า 20% point
นางสาวนันทวรรณ สุวรรณเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดู เดย์ ดรีม จำกัด (มหาชน) หรือ DDD รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2565 ว่า "สำหรับไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2565 บริษัทฯมีรายได้จากการขาย 381.78 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตร้อยละ 23 เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันในปี 2564 ที่มีรายได้จาก การขาย 311.41 ล้านบาท
การเติบโตหลักมาจากกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์บำรุงผิว มีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 64 และมีสัดส่วนร้อยละ 54 ของรายได้จากขายทั้งหมด เป็นผลจากการที่บริษัทฯได้มีการปรับแผนการดำเนินงานหลายด้านทั้งเชิงรุก และการตั้งรับ กับสภาวะความผันผวนของเศรษฐกิจ กำลังซื้อ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการจับจ่ายของผู้บริโภค โดยมุ่งเน้นขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ (E-Commerce) ช่องทางโซเชียล (Social Commerce) และอินฟลูเอนเซอร์ (Influencers) ส่งผลให้อัตราการเข้าถึงผลิตภัณฑ์และฐานลูกค้าออนไลน์เติบโตอย่างต่อเนื่องสะท้อนกับรายได้จากขายดังกล่าว
ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์บำรุงผิวภายในประเทศมีอัตราเติบโตร้อยละ 50 และจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดฟิลิปปินส์ที่ดันรายได้ภายนอกประเทศจากกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์เดียวกันให้มีอัตราเติบโตสูงถึงร้อยละ 83
ในขณะที่ต้นทุนสินค้าและบริการสำหรับไตรมาส 1 ปี 2565 มีมูลค่า 136.73 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 36 ของรายได้จากการขาย โดยลดลงร้อยละ 11 point เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันในปี 2564 ที่มีต้นทุนสินค้า และบริการ 145.48 ล้านบาท หรือร้อยละ 47 ของรายได้จากการขาย จากผลสืบเนื่องที่บริษัทฯสามารถเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงาน รักษาประสิทธิภาพในการลดต้นทุนการผลิต รวมไปถึงการบริหารจัดการค่าใช้จ่าย ในการผลิตที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ต้นทุนในการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 1 ปี 2565 มีมูลค่า 201.34 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 53 ของรายได้จากการขาย โดยลดลงร้อยละ 10 point เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันในปี 2564 ที่มีต้นทุนสินค้า และบริการ 195.04 ล้านบาท หรือร้อยละ 63 ของรายได้จากการขาย โดยสอดคล้องกับแผน Synergy Roadmap ภายในกลุ่มบริษัทเพื่อลดความซ้ำซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานภายในกลุ่มของบริษัทอย่างต่อเนื่อง
จากปัจจัยด้านต้นทุนที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ไตรมาส 1 ปี 2565 บริษัทฯมีกำไรจากการดำเนินงานเป็นบวก (Operating Performance Turnaround) และมีอัตรากำไรจากการดำเนินงานที่ร้อยละ 11 โดยเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 21 point ที่มูลค่า 43.72 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2564 ที่มีอัตรากำไรจากการดำเนินงานร้อยละ -9
เนื่องจากสถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจและตลาดการทุนมีความผันผวนสูง บริษัทฯได้ปรับนโยบายการลงทุนเป็นรูปแบบอนุรักษ์นิยม (Conservative) และเน้นรับผลตอบแทนในรูปแบบปันผล ทั้งยังลดความเสี่ยงในการลงทุนลงอย่างมีนัยสำคัญ (Risk Exposure) ส่งผลให้กำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 1 ปี 2565 มีมูลค่า 55.12 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 13.44"
นอกจากนี้ นางสาวนันทวรรณ สุวรรณเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ยังกล่าวย้ำถึงทิศทางในการดำเนินธุรกิจ ว่า "ทางบริษัทฯยังคงตั้งเป้าที่จะผลักดันรายได้ให้เติบโตร้อยละ 30 โดยยังมุ่งเน้นไปที่การสร้างนวัตกรรมใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์ เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในการแข่งขัน และสร้างความแตกต่าง สำหรับไตรมาสแรกของปีบริษัทฯได้มีผลิตภัณฑ์ที่ออกใหม่ อาทิ ยาสีฟันกัญชง สูตรธรรมชาติ ภายใต้ Sparkle brand (Sparkle Natural Hemp seed extract Toothpaste) และอุปกรณ์จัดแต่งทรงผมใหม่ล่าสุดในคอลเลคชั่น มาการอง ซีรีส์ 3 รุ่น โดยปีนี้เราจะเพิ่มความน่าสนใจให้กับผลิตภัณฑ์ และ Brand ต่างๆ ในเครือ ด้วยการทำ Brand Collaboration เพื่อเอาใจนักสะสมและกระตุ้นยอดขายด้วย
ทั้งนี้ บริษัทฯยังคงมองหาโอกาสสำหรับการขยายการลงทุนด้วยการร่วมทุนและซื้อกิจการ เพื่อให้บริษัทฯเติบโตแบบก้าวกระโดดได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ดีบริษัทฯจะพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนการลงทุน โดยยังคงมุ่งเน้นที่จะขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความงาม สุขภาพ และสินค้า Lifestyle ที่มีแนวโน้มเติบโตสูงจากการพฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญในสุขภาพและความงามมากขึ้น เพื่อรักษาระดับการเติบโตอย่างมั่นคงยั่งยืน"