บมจ.บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส หรือ BGC โชว์รายได้ไตรมาสแรก 3,967 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการวางกลยุทธ์นำเสนอสินค้าแบบ Total Packaging Solutions และกำลังซื้อผู้บริโภคที่เริ่มฟื้นตัวหลังทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุม COVID-19 บอร์ดอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.125 บาทต่อหุ้น เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 25 พฤษภาคมนี้ ประเมินภาพรวมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ทยอยฟื้นตัวหลังผ่อนคลายมาตรการ Test & Go แก่ผู้เดินทางเข้าประเทศไทย
นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้วและบรรจุภัณฑ์แพคเกจจิ้ง รายใหญ่ในไทยและภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยว่า บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายไตรมาส 1/2565 สูงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า โดยมีรายได้จากการขาย 3,967 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและเพิ่มขึ้น 29% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยเฉพาะยอดขายภายในประเทศที่เติบโตได้ดี เนื่องจากการวางกลยุทธ์ผลักดันการขายสินค้าในรูปแบบ Total Packaging Solutions นำเสนอบรรจุภัณฑ์แก้วพร้อมบรรจุภัณฑ์อื่น ๆ และยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรค COVID-19 ทำให้ธุรกิจส่วนใหญ่กลับมาเปิดดำเนินการได้ตามปกติ ส่งผลให้ภาพรวมการบริโภคภายในประเทศเริ่มฟื้นตัว
ถึงแม้ว่าปัจจัยราคาพลังงานและราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังเกิดความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน มีผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตในทุกอุตสาหกรรม บริษัทฯ ยังคงมีกำไรสุทธิที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่ ในไตรมาสแรกที่ผ่านมาอยู่ที่ 217 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 182 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้วางแผนรับมือบริหารจัดการต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยมาใช้ในกระบวนการผลิต การจัดการต้นทุนวัตถุดิบโดยการปรับสูตรการผลิตและต่อรองราคากับคู่ค้า การเพิ่มสัดส่วนของผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูง และการเจรจาปรับราคาสินค้ากับลูกค้าบางส่วนด้วยการคิดราคาวิธี Cost Plus Margin ซึ่งดำเนินการไปแล้วกว่า 50% ของลูกค้าทั้งหมด
ล่าสุด เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2565 ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทฯ จึงมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2565 ในอัตรา 0.125 ต่อหุ้น รวมเป็นเงิน 86.81 ล้านบาท เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้ และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 10 มิถุนายน 2565
ขณะที่แนวโน้มความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ในปีนี้คาดว่าจะทยอยฟื้นตัว หลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการ Test & Go แก่ผู้เดินทางเข้าประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการบริโภคภาคประชาชน อย่างไรก็ตามต้องติดตามนโยบายของรัฐบาลหากปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าและกำลังซื้อของผู้บริโภค รวมถึงต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน
"ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่ราคาพลังงานและต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและคาดว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับสูง หากเหตุการณ์รัสเซีย-ยูเครน ยังคงยืดเยื้อ บริษัทฯ มุ่งเน้นการควบคุมต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไร นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการทบทวนแผนการขึ้นเตาหลอมแก้วใหม่และแผนซ่อมบำรุง ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายในปัจจุบัน" นายศิลปรัตน์ กล่าว