บิล ฟอร์ด ย้ำนวัตกรรมคือหัวใจในการพัฒนาธุรกิจในอนาคตวางตำแหน่งประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญที่ผลักดันการเติบโตในเอเชีย

ข่าวทั่วไป Thursday October 27, 2005 14:43 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 ต.ค.--โอกิววี่ พับลิค รีเลชั่นส์ เวิลด์วายด์
ฟอร์ด มอเตอร์ คอมปานี เผยวิสัยทัศน์ใหม่ เน้นการสร้างสรรค์นวัตกรรมในเอเชีย มั่นใจความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม เป็นแนวทางนำฟอร์ดสู่ศตวรรษใหม่ได้อย่างแข็งแกร่งกว่าเดิม
ฟอร์ด โฟกัสใหม่ ซึ่งเป็นรถยนต์รุ่นแรกในไทยที่สามารถใช้แก๊สโซฮอล์ E20 ได้ คือ เครื่องพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของฟอร์ดในการนำเสนอนวัตกรรมผ่านเทคโนโลยีเอทานอลล่าสุด
สำนักงานใหญ่ของฟอร์ด เอเชียแปซิฟิกและแอฟริกา ที่ตั้งขึ้นในประเทศไทย ยืนยันได้ถึงนโยบายอันจริงจังของฟอร์ดที่จะสร้างการเติบโตในภูมิภาคนี้
“องค์กรอาสาสมัครบรรเทาทุกข์ของฟอร์ด” (Ford Volunteer Corp) ในประเทศไทย สร้างความสำเร็จในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยสึนามิในภาคใต้ ตามโครงการ “บ้านใหม่ เพื่อชีวิตใหม่” อันเป็นส่วนหนึ่งของการทำวิสัยทัศน์ “สร้างโลกที่น่าอยู่กว่าเดิม” (Better World) ให้เป็นจริง
บิล ฟอร์ด ประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหารฟอร์ด มอเตอร์ คอมปานี เปิดเผยวิสัยทัศน์ด้านการมุ่งเน้นการสร้างสรรค์นวัตกรรม ระหว่างการเดินทางเยือนประเทศไทย ที่โชว์รูม ฟอร์ด จ. เจริญ ประจวบคีรีขันธ์ ที่หัวหิน พร้อมประกาศย้ำความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการพัฒนาธุรกิจในประเทศไทย โดยเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรมและสนับสนุนกิจกรรมพัฒนาชุมชนเพื่อการสร้างโลกที่น่าอยู่กว่าเดิม
มร. ฟอร์ด กล่าวว่า “ฟอร์ด มอเตอร์ คอมปานี เป็นบริษัทระดับโลกที่ดำเนินธุรกิจมานานกว่า 100 ปี เป้าหมายของเรา คือ การมุ่งสู่ความเป็นบริษัทระดับโลกแนวใหม่ในศตวรรษที่ 21 เรากำลังแสวงหาวิธีใหม่ๆ ในการผลักดันธุรกิจให้ก้าวไปอย่างแข็งแกร่ง”
ในการดำเนินการตามนโยบายด้านการมุ่งเน้นนวัตกรรม ฟอร์ด ได้แนะนำเทคโนโลยีเอทานอลล่าสุดในประเทศไทย โดยติดตั้งเครื่องยนต์ที่รองรับแก๊สโซฮอล์ E20 ในฟอร์ด โฟกัส ทำให้รถยนต์รุ่นล่าสุดของฟอร์ดนี้ สามารถใช้เชื้อเพลิงได้ทั้งเบนซินปกติและแก๊สโซฮอล์ที่มีเอทานอลได้มากถึง 20% ฟอร์ด โฟกัสใหม่จึงกลายเป็นรถยนต์รุ่นแรกในประเทศไทยที่ใช้เชื้อเพลิงชนิดนี้ได้
ฟอร์ด โฟกัสใหม่ ซึ่งเปิดตัวแล้วในประเทศไทยและทั่วเอเชีย เป็นรถยนต์ระดับโลกอย่างแท้จริง โดยมีจุดเด่นที่การผสานรูปลักษณ์อันเรียบหรูสง่างามสไตล์ยุโรปกับความยอดเยี่ยมของวิศวกรรมเยอรมันและประสบการณ์ในการขับขี่ที่เหนือชั้นเข้าด้วยกันอย่างลงตัว และด้วยราคาพิเศษช่วงเปิดตัวระหว่าง 747,000-898,000 บาท ทำให้ โฟกัสใหม่เป็นรถยนต์คุณภาพในราคาพิเศษ และเป็นทางเลือกที่น่าสนใจที่สุดสำหรับผู้บริโภค
มร. ฟอร์ด กล่าวเสริมว่า ปัจจุบัน ฟอร์ดเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงหลากหลายชนิด หรือ Flexible Fuel Vehicle (FFV) โดยกล่าวว่า “ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ฟอร์ด ได้ผลิตรถยนต์ที่ใช้เอทานอลออกสู่ตลาดทั่วโลกมาแล้วกว่า 1 ล้านคัน”
ในปัจจุบัน ฟอร์ดผลิตรถยนต์ไฮบริดสู่ตลาดโลกประมาณปีละ 24,000 คันต่อปี ทั้งยังเป็นบริษัทรถยนต์อเมริกันเพียงแห่งเดียวที่ผลิตรถยนต์ไฮบริด และเป็นบริษัทแรกของโลกที่นำเสนอรถยนต์สปอร์ตอเนกประสงค์เครื่องยนต์ไฮบริดออกสู่ตลาด ได้แก่ ฟอร์ด เอสเคป ไฮบริด ซึ่งเป็นรถยนต์ SUV ที่สะอาด และสามารถใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดในตลาดปัจจุบัน ฟอร์ดวางแผนที่จะผลิตรถยนต์ไฮบริดเพิ่มขึ้นเป็นปีละ 250,000 คันภายในปี 2553 โดยรถยนต์ทุกแบรนด์ของฟอร์ด ได้แก่ ฟอร์ด ลินคอล์น เมอร์คิวรี และ มาสด้า จะมีรถยนต์ไฮบริดด้วยกันทั้งสิ้น
นอกจากนี้ รถยนต์ใหม่อีก 4 รุ่นที่ฟอร์ดจะเปิดตัวในปี 2549 จะใช้เอทานอลเป็นเชื้อเพลิงหลัก ทำให้ปริมาณรถยนต์ FFV ที่ฟอร์ดคาดว่าจะผลิตในปี 2549 จะมีจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 280,000 คัน และในปีหน้า จะเป็นครั้งแรกที่ฟอร์ดนำเทคโนโลยีรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงหลากหลายประเภทมาติดตั้งในรถยนต์ที่ขายดีที่สุดในอเมริกา คือ รถกระบะฟอร์ด เอฟ-150
“กลยุทธ์ของฟอร์ดในด้านเทคโนโลยีพลังงานทางเลือกสำหรับประเทศไทย ก็สอดคล้องทิศทางกับกลยุทธ์ของฟอร์ดทั่วโลก เรามั่นใจว่า ฟอร์ด โฟกัส ในฐานะรถยนต์รุ่นแรกที่สามารถใช้แก๊สโซฮอล์ E20 จะช่วยตอกย้ำความเป็นผู้นำของฟอร์ดในด้านเทคโนโลยีพลังงานทางเลือกเพื่อก้าวสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
“เรารู้ว่าในตลาดโลกทุกวันนี้ การทำธุรกิจแบบเดิมถือว่าไม่เพียงพออีกต่อไป ฟอร์ดเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงในด้านการคิดค้นนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง นวัตกรรมจึงเป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมองค์กร เมื่อฟอร์ดแนะนำฟอร์ด เรนเจอร์เป็นครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อ พ.ศ. 2541 เราเป็นแบรนด์แรกที่ได้ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของรถกระบะในประเทศขึ้นอีกขั้นหนึ่ง เช่น การติดตั้งถุงลมนิรภัยสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เบรก ABS และโครงสร้างนิรภัยเพื่อการปกป้องผู้โดยสารจากการชนด้านข้าง ในปี 2545 ฟอร์ดเป็นผู้นำการพัฒนาในตลาดรถยนต์ของไทยอีกครั้งกับการแนะนำเทคโนโลยี Rear Access System (RAS) ที่เพิ่มความสะดวก และเพิ่มประโยชน์ใช้สอยให้กับรถกระบะแบบ “โอเพ่นแค็บ” ของเรา
“ด้วยความมุ่งมั่นที่จะก้าวต่อไป ฟอร์ดจะยังคงยึดมั่นการเป็นผู้นำในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เป็นครั้งแรกใน อุตสาหกรรมรถยนต์ ซึ่งเป็นแนวทางที่จะช่วยยกระดับการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยทั้งในด้านนวัตกรรมเกี่ยวกับความปลอดภัย เทคโนโลยี และการออกแบบ”
ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นตลาดที่สำคัญที่ผลักดันให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ สำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ในภูมิภาคนี้ หากยังคงมีการเติบโตต่อเนื่องในอัตราเช่นนี้จะทำให้เอเชียแปซิฟิกแซงหน้าภูมิภาคอเมริกาเหนือและยุโรปได้ก่อนปี 2553 คาดว่า 70% ของการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์โดยรวมจะมาจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นหลัก หรือมีการเติบโตถึง 10.5 ล้านคันภายใน 10 ปี (ประมาณปี 2557) โดยมีจีน อินเดีย และอาเซียนเป็นตลาดหลัก
“ในการขยายเครือข่ายทั่วโลกให้กว้างไกล เราหมายถึงการลงทุนในภูมิภาคที่กำลังเติบโต ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วยอย่างแน่นอน ตลาดเอเชียมีความสำคัญยิ่งต่อแผนการพัฒนา ฟอร์ด มอเตอร์ คอมปานี ในยุคศตวรรษที่ 21 และประเทศไทยก็คือศูนย์กลางยุทธศาสตร์ของเราในเอเชีย ฟอร์ดกำลังก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะเร่งขยายธุรกิจทั่วเอเชีย และเราจะใช้นโยบายที่เป็นหนึ่งเดียวสำหรับทุกตลาดทั่วเอเชีย
“เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางการดำเนินธุรกิจดังกล่าว เราได้จัดตั้งสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคที่กรุงเทพ โดยมีปีเตอร์ แดเนียลเป็นประธานฟอร์ด เอเชียแปซิฟิกและแอฟริกา เราได้จัดโครงสร้างการทำงานของสำนักงานใหญ่ดังกล่าวเป็นอย่างดี เพื่อให้สามารถสนับสนุนจุดแข็งของฟอร์ดในแต่ละตลาดในภูมิภาคนี้ และเป็นหลักสำคัญในการผลักดันกลยุทธ์การสร้างการเติบโตในภูมิภาคนี้”
ฟอร์ด ได้ลงทุนมูลค่ากว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐในศูนย์การผลิตรถยนต์ของบริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นธุรกิจร่วมทุนระหว่างฟอร์ดและมาสด้าในประเทศไทย โรงงานดังกล่าวผลิตรถกระบะฟอร์ดเรนเจอร์ มาสด้าไฟเตอร์ และ ฟอร์ดเอเวอเรสต์ สำหรับจำหน่ายในประเทศไทยและส่งออกกว่า 100,000 คันไปยังกว่า 130 ตลาดทั่วโลกทั้งในยุโรป อเมริกาใต้ ตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แอฟริกาใต้ และอาเซียน
ด้วยศูนย์กลางการผลิตในภูมิภาคนี้ ฟอร์ดถือได้ว่าเป็นผู้ส่งออกรถยนต์ที่สำคัญของประเทศไทย ในไตรมาสแรกของปีนี้ โรงงาน AAT ก้าวสู่การเป็นผู้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปมากอันดับ 1 ของประเทศไทย โดยส่งออกรถยนต์ 19,388 คัน หรือคิดเป็น 22.29% ของมูลค่ารถยนต์ส่งออกทั้งหมด 8.05 พันล้านบาท
“เราต้องการสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมให้กับลูกค้าและชุมชนที่เราดำเนินธุรกิจอยู่ และนี่คือปรัชญาในการทำงานที่ปรากฏอยู่ในทุกส่วนและวิธีการดำเนินธุรกิจของเรา” มร. ฟอร์ด กล่าว
“ผมรู้สึกภาคภูมิใจที่เรามีเครือข่ายผู้จำหน่ายที่แข็งแกร่งในประเทศไทย ซึ่งมุ่งมั่นที่จะนำเสนอประสบการณ์ในด้านการขายและการบริการที่ดีที่สุด ผมภูมิใจกับผลงานและความสำเร็จต่างๆ ที่ทีมงานฟอร์ดในประเทศไทยสร้างขึ้น
“ผมภูมิใจมากกับสิ่งที่ “องค์กรอาสาสมัครบรรเทาทุกข์ฟอร์ด” (Ford Volunteer Corp) ดำเนินการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยสึนามิที่เขาหลัก จ. พังงา ของประเทศไทย ในโครงการ “บ้านใหม่ เพื่อชีวิตใหม่” เพื่อสร้างที่อยู่ให้กับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนเหล่านี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นการร่วมมือกับพันธมิตรของเราคือ มูลนิธิที่อยู่อาศัยเพื่อมนุษยชาติ ตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมาพนักงานของเราได้อาสาเข้าร่วมโครงการ โดยจะใช้เวลาอยู่ที่เขาหลัก 1 สัปดาห์เต็มเพื่อช่วยกันสร้างบ้านให้กับครอบครัวผู้ประสบภัย และนี่คือสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความจริงใจและมุ่งมั่นที่จะอุทิศเพื่อสังคม อันเป็นหลักการสำคัญและเป็นวัฒนธรรมองค์กรพื้นฐานที่สืบทอดกันในบริษัทของเรา
ฟอร์ด ประเทศไทยได้ร่วมมือกันสร้างวิสัยทัศน์ “ผลิตภัณฑ์เยี่ยม ธุรกิจที่แข็งแกร่ง และโลกที่น่าอยู่กว่าเดิม” ของเราให้กลายเป็นรูปธรรม ผมชื่นชมและมั่นใจว่าเราจะหาวิธีใหม่ที่สร้างสรรค์ในการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจของเรา และร่วมพัฒนาสังคมอย่างต่อเนื่องต่อไป” มร. ฟอร์ด กล่าวสรุป
บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ คอมปานี ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองเดียร์บอร์น รัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา เป็นหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์โลก ดำเนินธุรกิจการผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์ในกว่า 200 ตลาดใน 6 ทวีป บริษัทฯ มีพนักงานกว่า 324,000 คนทั่วโลก มีแบรนด์รถยนต์ในเครือได้แก่ แอสตันมาร์ติน ฟอร์ด จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ ลินคอล์น มาสด้า เมอร์คิวรี่ และวอลโว่ รวมทั้งมีบริษัทสินเชื่อรถยนต์ในเครือ คือ บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ เครดิต--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ