บทวิเคราะห์จาก บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) หรือ "Pi" "พาย" มองว่า สัปดาห์นี้ SET INDEX มีโอกาสฟื้นตัวหนุนจากหลายสัญญาณ อาทิ (1) วันศุกร์ในสัปดาห์ก่อน Dow Jones ฟื้นตัวแรง +1.47% , Nasdaq +3.8% ด้าน Vix Index ก็เริ่มอ่อนตัวลงมา หลักๆประเด็นเงินเฟ้อสหรัฐรวมถึงการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐเริ่ม Price In ไปพอสมควรประกอบกับดัชนี Dow Jones ได้ปรับฐานลงมา 8.8% จากจุดสูงสุดก่อนหน้า (2) US Bond Yield 2 , 10 ปี เริ่มชะลอตัวลงและ Dollar Index เริ่มอ่อนค่า บ่งชี้ถึงการคลายกังวลเงินเฟ้อและดอกเบี้ยของนักลงทุน (3) SET ลงมาทดสอบจุดต่ำสุดเดิมบริเวณ 1,580 เป็นปัจจัยหนุนเชิงจิตวิทยาการลงทุน ขณะที่ Valuation Forward PE ลงมาซื้อขายที่ 16.5 นับว่าเข้าใกล้ค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปีย้อนหลังประเมินกรอบ SET INDEX สัปดาห์นี้ 1570 - 1610
สำหรับปัจจัยสัปดาห์นี้ได้แก่ (1) การรายงานยอดค้าปลีก สหรัฐในวันอังคารช่วงเวลากลางคืนตามเวลาประเทศไทย Bloomberg คาดที่ 1.1%MoM เชื่อว่าตัวเลขที่ตลาดอยากเห็นไม่ควรร้อนแรงจนเกินไปหรือต่ำกว่าคาดจะยิ่งเป็นบวก เพื่อคลายความกังวลกับเงินเฟ้อ (2) การแถลงของประธาน FED ในวันพุธช่วงเวลาตี 1 ตามเวลาประเทศไทย ถือเป็นปัจจัยสำคัญในสัปดาห์นี้ เชื่อว่าตลาดอยากเห็นมุมมองด้านดอกเบี้ยว่ายังยืนยันที่จะขึ้นเดือน มิ.ย. 0.50% แต่หากเปิดเผยถึงแผนการขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ก็เชื่อว่าอาจมีผลบ้างแต่ไม่น่ามากนักเพราะตลาด Price In ไปแล้ว (3) การรายงาน GDP ประเทศไทย 1Q22 ในวันจันทร์ Bloomberg คาดที่ 1.7%YoY 0.9%QoQ
เชิงกลยุทธ์การลงทุน Trading ได้แนะนำกลุ่มน้ำมัน (PTTEP) ราคาน้ำมันดิบเมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวขึ้น 2.4% หลังมีรายงานว่าเซี่ยงไฮ้วางแผนที่จะยุติมาตรการ Lock Down ในวันที่ 1 มิ.ย. หนุนอุปสงค์น้ำมันกลับมา รวมไปถึงกลุ่มค้าปลีก (BJC CRC CPALL) หุ้นที่ผลประกอบการ โดดเด่น (CBG GFPT MEGA TACC)
PTTEP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 179 บาท) ภาพรวม 2Q22 เป็นบวกเพราะคาดว่ากำไรสุทธิจะโตขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ประเมินว่าการเริ่มผลิตก๊าซจากโครงการ G1/61 และ G2/61 (ประเทศไทย) จะช่วยหนุนการเติบโตของยอดขายได้ 10% ส่วนราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอาจเข้ามาช่วยกระตุ้นราคาขายเฉลี่ยขึ้น
MEGA (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 56 บาท) MEGA มีกำไรสุทธิ 1Q22 อยู่ที่ 614 ล้านบาท (+84%YoY, +24%QoQ) แตะจุดสูงเป็นประวัติการณ์ และถือว่าสูงกว่าคาดการณ์คาดกำไรปี 2022-23 จะโตต่อเนื่อง YoY ด้วยแรงหนุนจากความแข็งแกร่งของผลิตภัณฑ์ใหม่ อุปสงค์จากกระแสการดูแลสุขภาพ และกลยุทธ์การขยายตลาดอย่างต่อเนื่องในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ที่มีการแข่งขันต่ำเมื่อเทียบกับตลาดที่พัฒนาแล้ว