ท่ามกลางสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่รุมล้อมสังคมไทยมาเป็นเวลานาน ตั้งแต่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จนถึงเวลานี้ที่ผู้บริโภคต้องรับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มพุ่งสูงต่อเนื่อง ส่งผลต่อแผนการใช้จ่ายของผู้บริโภคอย่างเลี่ยงไม่ได้ และนำไปสู่การก่อหนี้เพิ่มขึ้นทั้งโดยตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ เห็นได้ชัดจากผลสำรวจสถานภาพแรงงานไทย: กรณีศึกษากลุ่มตัวอย่างแรงงานไทยที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน ปี 2565 โดยศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พบว่า แรงงานไทยมีหนี้ถึง 99% ส่งผลให้ปีนี้ภาระหนี้ของครัวเรือนเพิ่มขึ้น 5.09% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำสถิติสูงสุดในรอบ 14 ปี โดยแรงงาน 31.5% ยังเคยผิดนัดชำระหนี้อีกด้วย
แม้ปัจจัยแวดล้อมมากมายจะสร้างความท้าทายทางการเงินให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาใดที่อยู่อาศัยก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับผู้บริโภค แม้จะเป็นการเพิ่มภาระหนี้ก้อนใหญ่แต่มาพร้อมความมั่นคงในชีวิตและความคุ้มค่าของการลงทุนในระยะยาว จึงเป็นอีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคต้องการยื่นกู้ซื้อบ้านแม้จะมีภาระหนี้สินอยู่ก็ตาม
ข้อมูลจากแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดที่อยู่อาศัย DDproperty's Thailand Consumer Sentiment Study รอบล่าสุด เผยว่า อุปสรรคใหญ่เมื่อยื่นขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยมาจากรายได้และอาชีพที่ไม่มั่นคงถึง 59% ตามมาด้วยมีประวัติทางการเงินที่ไม่ดี (46%) และไม่มีเอกสารประกอบที่เพียงพอ (38%) สะท้อนให้เห็นว่าปัญหาการเงินมีความสำคัญอันดับต้น ๆ ซึ่งกลายเป็นความกังวลและพัฒนาต่อเนื่องไปเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนว่า การมีประวัติหนี้สินแสดงอยู่บนเครดิตบูโรจะทำให้ถูกปฏิเสธสินเชื่อหรือยื่นกู้ไม่ผ่าน ซึ่งแท้จริงแล้วนี่เป็นความเข้าใจผิดที่สะสมมานาน สร้างความกังวลใจเกินกว่าเหตุและทำให้คนที่ต้องการมีบ้านจำนวนมากพลาดโอกาสเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยในช่วงเวลาที่เหมาะสมตามไปด้วย
"เครดิตบูโร" ไม่ใช่แบล็คลิสต์!
"เครดิตบูโร" หรือ "บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด" เป็นองค์กรเอกชนที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางจัดเก็บข้อมูลประวัติธุรกรรมทางการเงินของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อบัตรกดเงินสด สินเชื่อกู้ซื้อบ้าน ผ่อนรถยนต์ และอื่น ๆ รวมไปถึงประวัติด้านการเงินเกี่ยวกับธุรกรรมต่าง ๆ ทั้งการกู้ ผ่อน จ่ายทั้งหมดของเจ้าของข้อมูล ซึ่งจะปรากฏในรายงานข้อมูลเครดิตของบุคคลนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นประวัติดีหรือประวัติไม่ดีก็ตามเพียงเท่านั้น โดยไม่มีหน้าที่หรืออำนาจในการอนุมัติสินเชื่อใด ๆ
ส่วนหน้าที่ของการอนุมัติการกู้เงินจะเป็นของธนาคารหรือสถาบันการเงิน ซึ่งเมื่อผู้กู้ยื่นขอสินเชื่อต่อธนาคาร/สถาบันการเงินใด ๆ ธนาคาร/สถาบันการเงินนั้นจะนำข้อมูลจากเครดิตบูโรมาตรวจสอบคุณสมบัติต่าง ๆ ของผู้กู้ อาทิ พฤติกรรมการใช้เงินและวินัยในการผ่อนชำระหนี้ การผิดนัดชำระหนี้ ฯลฯ เพื่อประกอบการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ
อย่างไรก็ดี การยื่นขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้าน/คอนโดฯ ถือเป็นสินทรัพย์ที่มีราคาสูงและระยะเวลาผ่อนชำระยาวนาน ธนาคาร/สถาบันการเงินจึงมีเกณฑ์พิจารณาจากหลายปัจจัยประกอบกันและให้เป็นคะแนน (หรือเรียกว่าเป็นเครดิตสกอร์) หากผู้ขอยื่นกู้มีประวัติการชำระหนี้ที่ดีอย่างต่อเนื่อง คะแนนส่วนนี้สูงก็มีแนวโน้มที่จะได้รับการอนุมัติสูง แต่ถ้าหากผู้กู้มีประวัติการชำระหนี้ไม่ดี ผ่อนชำระหนี้ไม่ตรงตามกำหนด หรือมียอดค้างชำระหนี้เป็นจำนวนมาก ทำให้คะแนนส่วนนี้ต่ำกว่าเกณฑ์จะส่งผลให้ธนาคาร/สถาบันการเงินมีแนวโน้มที่จะไม่อนุมัติสินเชื่อได้ ดังนั้น "การติดแบล็คลิสต์" จึงเป็นเพียงคำนิยามของผู้ที่มีประวัติในการผ่อนชำระหนี้ที่ไม่ดีหรือไม่เป็นไปตามข้อตกลงเท่านั้น
"มีบ้านเมื่อ (เงิน) พร้อม" เจอประวัติหนี้เสีย เคลียร์อย่างไรก่อนกู้ซื้อบ้าน
ประวัติธุรกรรมทางการเงินที่ดีถือเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการอนุมัติสินเชื่อซึ่งคนอยากมีบ้านไม่ควรมองข้าม ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจซบเซาที่ส่งผลให้รายได้ผู้บริโภคผันผวนตามไปด้วย การซื้อบ้าน/คอนโดฯ ที่ถือเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างครอบครัวก็อาจสะดุดลงได้ หากผู้บริโภคยังมีหนี้สินมากเกินไป ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) เว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย แนะนำแนวทางเตรียมความพร้อมทางการเงินเพื่อซ่อมประวัติหนี้เสียบนเครดิตบูโร อุ่นเครื่องวินัยทางการเงินก่อนยื่นกู้ซื้อบ้าน ปูทางไปสู่การมีบ้านเมื่อพร้อม
1. รู้เขารู้เรา เข้าใจสถานะเครดิตบูโร ผู้บริโภคควรตรวจสถานะเครดิตบูโรของตนก่อนจะยื่นขอกู้ซื้อบ้าน/คอนโดฯ เพื่อให้ทราบประวัติทางการเงินที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไร รวมทั้งได้ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลด้วย หากมีประวัติเครดิตบูโรที่ดีจะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการยื่นขอสินเชื่อมากขึ้น หรือกรณีที่มีประวัติการเงินที่ไม่ค่อยสวยงาม ผู้บริโภคจะได้สามารถวางแผนแก้ไขได้ทันท่วงที ปกติแล้วรายงานข้อมูลเครดิตจะเก็บข้อมูลเครดิตที่ได้จากธนาคาร/สถาบันการเงินย้อนหลังเป็นเวลาไม่เกิน 36 เดือนหรือ 3 ปี โดยระบุสถานะบัญชีด้วยตัวเลขที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
- 10 คือ สถานะปกติ เจ้าของบัญชีมีการชำระสินเชื่อตามจำนวนยอดเงินปกติ ตรงตามเงื่อนไข และไม่มียอดค้างชำระ
- 11 คือ สถานะปิดบัญชี เจ้าของบัญชีได้ทำการชำระหนี้ตามยอดค้างหมดแล้ว
- 12 คือ สถานะในการพักชำระหนี้ เจ้าของบัญชีได้ทำการขอพักชำระหนี้ที่เคยมียอดค้างชำระหนี้ตามนโยบายของรัฐ
- 20 คือ สถานะในการค้างชำระหนี้ในระบบเกิน 90 วัน ซึ่งสถานะนี้ส่งผลเสียต่อเจ้าของบัญชี เนื่องจากมียอดค้างชำระหนี้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
2. เติมเต็มวินัยจัดการหนี้อย่างเป็นระบบ หากผู้บริโภคมีสถานะบัญชีเครดิตบูโรปกติ ขั้นตอนถัดมาคือควรวางแผนจัดการการเงินปัจจุบันให้เป็นระบบ โดยสรุปรายการภาระหนี้ทั้งหมดว่าเหลือจำนวนเท่าไร ใช้ระยะเวลาผ่อนชำระอีกนานเท่าใด ในระหว่างนี้มีเงินเหลือเพื่อเก็บออมไว้ใช้ในยามฉุกเฉินหรือไม่ และประเมินว่าหากมีภาระในการผ่อนหนี้บ้านเพิ่มขึ้นมา สภาพคล่องทางการเงินจะอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้หรือไม่ ส่วนในกรณีที่มีประวัติผิดนัดชำระหนี้ ผู้บริโภคควรสรุปรายรับและรายจ่ายที่มีก่อนเพื่อวางแผนการเงินใหม่ และประเมินความสามารถในการชำระหนี้คงค้างตามกำลังที่ตนไหว จากนั้นจึงขอเจรจากับธนาคาร/สถาบันการเงินเจ้าหนี้เพื่อขอปรับโครงสร้างหนี้ หรือขอพักชำระหนี้ หรือขอชำระหนี้ตามจำนวนขั้นต่ำ เพื่อให้สามารถปิดบัญชีหนี้คงค้างทั้งหมดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และหยุดการสร้างหนี้ใหม่สักระยะควบคู่ไปกับเริ่มออมเงิน โดยคำนวณว่าหากต้องผ่อนชำระหนี้บ้านต่อเดือนเท่านี้จะกระทบกับแผนการใช้จ่ายเพียงใด และทดลองเก็บเงินค่าผ่อนบ้านสำรองไว้ประมาณ 3-6 เดือน เพื่อเป็นการซ้อมและเช็กความพร้อมก่อนเป็นหนี้จริง
3. เช็กสุขภาพการเงิน สร้างประวัติดีก่อนกู้ เมื่อผู้บริโภคเคลียร์ปัญหาหนี้คงค้างให้กลับมามีสถานะบัญชีปกติแล้ว หากต้องการยื่นกู้เพื่อขอสินเชื่อที่อยู่อาศัย ควรเริ่มสร้างเครดิตใหม่ เช่น ขอสินเชื่อบัตรเครดิตที่จำเป็นต้องใช้และชำระเต็มวงเงินหรือตามข้อตกลงอย่างสม่ำเสมอ ไม่ขาดชำระ เพื่อสร้างเครดิตประวัติดีขึ้นมาทดแทน หรือขอยื่นกู้ซื้อที่อยู่อาศัยร่วมกับคนในครอบครัวที่มีประวัติเครดิตบูโรที่ดี เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อ นอกจากนี้ ผู้บริโภคควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมก่อนกู้ซื้อบ้าน/คอนโดฯ ว่า ฐานเงินเดือนที่มีนั้นสามารถขอวงเงินกู้สูงสุดได้เท่าไร เป็นการวางกรอบในการเลือกซื้ออสังหาฯ ในราคาที่ไม่สร้างภาระจนเกินกำลัง พร้อมเปรียบเทียบแคมเปญสินเชื่อที่มีดอกเบี้ยและเงื่อนไขที่เหมาะสม และเตรียมเอกสารต่าง ๆ ให้พร้อมก่อนทำการยื่นกู้ แม้เครดิตบูโรจะเป็นปัจจัยหนึ่งในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ แต่การมีประวัติการเงินที่ดีก็ถือเป็นแต้มต่อสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสให้ได้รับการอนุมัติสินเชื่อมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การพิจารณาอนุมัติสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยนั้น ธนาคาร/สถาบันการเงินมีเกณฑ์ในการพิจารณาจากหลายองค์ประกอบและมีนโยบายที่แตกต่างกันออกไป ข้อมูลเครดิตบูโรจึงเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งในการพิจารณาเท่านั้น ไม่มีบทบาทกับการอนุมัติโดยตรงอย่างที่หลายคนเข้าใจผิด และในกรณีที่กู้ไม่ผ่าน ผู้ยื่นกู้จะได้รับหนังสือชี้แจงเหตุผลที่ไม่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อจากธนาคาร/สถาบันการเงิน ซึ่งจะเป็นแนวทางให้ผู้กู้สามารถนำมาใช้ปรับปรุงข้อมูลเพื่อแสดงศักยภาพในการผ่อนชำระ ก่อนจะขอยื่นกู้ใหม่อีกครั้งในอนาคตได้ เว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทยอย่างดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (https://www.ddproperty.com) ได้รวบรวม "เครื่องคำนวณดอกเบี้ย & สินเชื่อ" เพื่อให้ผู้บริโภคที่อยากเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยได้ลองคำนวณข้อมูลทางการเงินที่สำคัญ ช่วยตรวจสอบความพร้อมก่อนตัดสินใจซื้อบ้าน/คอนโดฯ พร้อมอัปเดตข้อมูลข่าวสาร/ความรู้ในแวดวงอสังหาฯ ที่คนอยากมีบ้านต้องรู้และไม่ควรพลาด ช่วยเตรียมความพร้อมให้ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของบ้านหลังใหม่ได้อย่างมั่นใจ
รู้จักกับ DDproperty
DDproperty (ดีดีพร็อพเพอร์ตี้) เป็นเว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทยที่มียอดผู้เข้าชมและใช้บริการบนเว็บไซต์กว่า 3.5 ล้านรายต่อเดือน ด้วยตัวเลือกอสังหาริมทรัพย์หลากหลายรูปแบบรวมกว่า 700,000 รายการ DDproperty ได้รับการโหวตให้เป็นเว็บไซต์ค้นหาอสังหาริมทรัพย์ออนไลน์ยอดเยี่ยม (Top Brand in Online Property Search) ที่ช่วยให้คนไทยค้นหาและพบกับบ้านที่ "ใช่" สำหรับตัวเอง DDproperty เป็นเว็บไซต์ในเครือ PropertyGuru Group (พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป) ซึ่งเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของเอเชีย สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถเข้าชมได้ที่ www.DDproperty.com; www.PropertyGuruGroup.com รวมไปถึงช่องทางโซเชียล มีเดียของเรา ได้แก่ Facebook, Instagram, Youtube, และ Linkedin
รู้จักกับ PropertyGuru Group
พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป (NYSE: PGRU) เป็นบริษัทเทคโนโลยีด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้* ที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ค้นหาบ้านกว่า 38 ล้านราย#เข้าเยี่ยมชมและใช้บริการบนเว็บไซต์ต่าง ๆ ภายใต้การบริหารของบริษัทในแต่ละเดือน พร็อพเพอร์ตี้กูรูและบริษัทในเครือช่วยให้ผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยทั่วภูมิภาคได้เข้าถึงรายการประกาศขาย-เช่าที่มีมากกว่า 3.3 ล้านรายการ อีกทั้งยังมีข้อมูลเชิงลึกและโซลูชั่นต่าง ๆ ที่ช่วยให้ผู้บริโภคในสิงคโปร์, มาเลเซีย, ไทย, อินโดนีเซีย และเวียดนาม ใช้ประกอบการตัดสินใจครั้งสำคัญได้อย่างมั่นใจ
PropertyGuru.com.sg เริ่มให้บริการครั้งแรกในปี 2550 นับเป็นการปฏิวัติตลาดอสังหาริมทรัพย์ในสิงคโปร์ ด้วยการนำระบบออนไลน์เข้ามาใช้และช่วยให้การหาบ้านมีความโปร่งใสมากขึ้น ในช่วงเวลากว่าทศวรรษที่ผ่านมา พร็อพเพอร์ตี้กูรูได้พัฒนาและเติบโตจากสื่ออสังหาฯ ชั้นนำของภูมิภาคมาเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีที่มีการเติบโตสูง มีเว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านอสังหาฯ อันดับ 1 อยู่ภายใต้การบริหาร มีแอปพลิเคชั่นที่มีรางวัลเป็นเครื่องการันตีคุณภาพ มีแพล็ตฟอร์มที่ดีที่สุดเพื่อช่วยส่งเสริมการขายให้กับผู้พัฒนาอสังหาฯ อย่าง FastKey, เว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านสินเชื่อบ้าน PropertyGuru Finance อีกทั้งยังมีบริการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอสังหาฯ ที่สำคัญ ๆ อาทิ การจัดงานแจกรางวัลด้านอสังหาฯ กิจกรรมส่งเสริมการตลาด รวมไปถึงสื่อสิ่งพิมพ์ทั่วภูมิภาคเอเชีย สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถเข้าชมได้ที่ PropertyGuruGroup.com; PropertyGuru Group on LinkedIn.
*แหล่งข้อมูลอ้างอิง SimilarWeb
#แหล่งข้อมูลอ้างอิง Google Analytics ระหว่างเดือนกรกฎาคม - ธันวาคม 2021
เว็บไซต์ในเครือพร็อพเพอร์ตี้กูรู:
ไทย : DDproperty.com
สิงคโปร์ : PropertyGuru.com.sg | CommercialGuru.com.sg
มาเลเซีย : PropertyGuru.com.my
อินโดนีเซีย : Rumah.com | RumahDijual.com
เวียดนาม : Batdongsan.com.vn
เอเชีย : AsiaPropertyAwards.com | AsiaRealEstateSummit.com