นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า ประมาณการณ์เศรษฐกิจกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และยุโรป โดยไอเอ็มเอฟคาดว่าจะยังเติบโตอยู่ จากปัจจัยหนุนที่การแพร่ระบาดโควิดคลี่คลายลง อัตราการฉีดวัคซีนอยู่ในระดับสูง มีการเปิดเมืองปกติทำให้การบริโภคในประเทศกลับมาขยายตัวได้ดี ประกอบกับอัตราการออมที่ยังอยู่ในระดับสูง ช่วยกระตุ้นให้มี Pent-up demand นำเงินออกมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นในปีนี้ บริษัทฯ จึงได้ส่งกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ แพลทตินัม โกลบอล เพื่อการเลี้ยงชีพ (SCBRMPGF) เริ่มเสนอขายครั้งแรก ระหว่างวันที่ 17 - 23 พฤษภาคม 2565
ความน่าสนใจของกองทุน SCBRMPGF มาจากการมุ่งลงทุนในหุ้นคุณภาพของบริษัทชั้นนำขนาดใหญ่ใน 3 กลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว คือ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และยุโรป ซึ่งต้องเป็นหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานดี มีโอกาสเติบโตได้ดี ตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการกองทุนคุณภาพสามารถสร้างโอกาสทำกำไรในระยะยาว รวมถึงสามารถวางแผนภาษีและเพิ่มเงินออมได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเกษียณ ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 1,000 บาท
จุดเด่นของกองทุน SCBRMPGF คือกระบวนการคัดเลือกหุ้นเพื่อการลงทุนตาม CROCI Sectors Strategy ที่เป็นระบบเพื่อวิเคราะห์ตัวเลขทางการเงินในการประเมินหุ้นรายตัว โดยเน้น 9 กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ สินค้าฟุ่มเฟือย สินค้าในครัวเรือน สุขภาพ/เวชภัณฑ์ เทคโนโลยีและไอที อุตสาหกรรม วัสดุก่อสร้าง กลุ่มสื่อสาร สาธารณูปโภค และพลังงาน (ยกเว้นกลุ่มการเงินและธนาคาร) จากนั้นกองทุนจะเลือก 3 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีค่า CROCI P/E ต่ำสุด และเลือกหุ้น10 ตัวแรกที่ถูกที่สุดในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม โดยกระจายลงทุนในน้ำหนักเท่ากันทุกตัว
นอกจากนี้ กองทุนยังมีการปรับสัดส่วนการลงทุนในทุกไตรมาส ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของภาวะตลาด เพื่อคงโอกาสในการสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้ต่อเนื่อง ซึ่งกองทุนนี้จะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนกองทุนรวมต่างประเทศกองทุนเดียว คือ DWS Invest CROCI Sectors Plus ใน Share Class FCH (P) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน อีกทั้ง กองทุนหลักนี้ยังได้รับ Morningstar Rating 5 ดาว ประเภท EAA OE Global Large-Cap Value Equity อีกด้วย
"เรามองว่าตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้วอาจมีความผันผวนในระยะสั้นถึงกลาง ตามทิศทางนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะปัญหาความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์และพลังงานปรับสูงขึ้น อย่างไรก็ตามการที่ดัชนีตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว ปรับตัวลงมาค่อนข้างมากตั้งแต่ต้นปี ทำให้ระดับมูลค่าพื้นฐานเริ่มกลับมาอยู่ในระดับน่าสนใจ รวมทั้งผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนยังมีอัตราการเติบโตที่ดีอยู่ นับเป็นโอกาสดีของการลงทุนระยะยาวเพื่อทยอยสะสมกองทุนที่เน้นลงทุนในตลาดประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งกองทุน SCBRMPGF เองก็เข้าไปลงทุนในบริษัทชั้นนำขนาดใหญ่หลากหลายอุตสาหกรรม โดยมีการปรับสัดส่วนลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตลาด เพื่อสร้างโอกาสทำกำไรในระยะยาวแบบยั่งยืนให้กับนักลงทุน" นางนันท์มนัส กล่าว
ทั้งนี้ พลาดไม่ได้กับโปรโมชั่นพิเศษ เฉพาะการลงทุนช่วงเสนอขายครั้งแรก รับ Fund Back สูงสุดถึง 1,000 บาท เป็นหน่วยลงทุนกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ระยะสั้น (SCBSFF) โดยผู้ที่สนใจสามารถลงทุนเริ่มต้นเพียง 1,000 บาท ผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ หรือผู้สนับสนุนการขายทุกราย หรือลงทุนด้วยตนเองผ่านแอปพลิเคชัน SCB Easy และ SCBAM Fund Click โดยกองทุน RMF ผู้ถือบัตรเครดิต SCB สามารถชำระมูลค่าลงทุนผ่านบัตรได้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือแอปพลิเคชัน SCB Easy
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรับหนังสือชี้ชวนได้ทุกวันทำการที่ บลจ.ไทยพาณิชย์ โทร.02-777-7777 กด 0 กด 6 หรือผู้สนับสนุนการขายทุกราย หรือ คลิก https://www.scbam.com/medias/campaign/landing-page/SCBRMPGF.html และสามารถเปิดบัญชีผ่านแอปพลิเคชัน SCBAM Fund Click ได้ที่ https://scbam.link/scbam_fund_click
ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้ยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต กองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน RMF กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขทางภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขของกองทุน รวมถึงควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้ประกอบธุรกิจก่อนตัดสินใจลงทุน