BM ผลงานไตรมาส 1 ปี 2565 กำไรโต 29.5% รายได้รวม 305.11 ล้านบาท จากยอดส่งออกต่างประเทศ หลังโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย คาดทั้งปียังเติบโตต่อเนื่องจากการส่งออก หลังเปิดโรงงานใหม่ เขต Free Zone ผลิตสินค้าเพื่อส่งออก คาดรายได้พุ่ง 15-20%
นายธานิน สัจจะบริบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกชีทเม็ททัล จำกัด (มหาชน) หรือ BM เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1 ปี 2565 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2565 บริษัทฯ มีรายได้รวม 305.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.57 ล้านบาท หรือ 8.37% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิรวม 17.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.08 ล้านบาท หรือ 29.57% เนื่องจากบริษัทฯ มีการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ปรับแผนธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และภาวะเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และการส่งออกต่างประเทศจากการเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นและเปิดรับออร์เดอร์ใหม่ๆ หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คลี่คลายส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร อยู่ที่ 28.48 ล้านบาท ลดลง 8.11 ล้านบาท หรือ 22.16% เนื่องจากในไตรมาส 1 ปีก่อนหน้า บริษัทฯ มีการตั้งสำรองลูกหนี้ตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 9 (TFRS9) ประกอบกับในปีนี้บริษัทฯ มีการบริหารจัดการต้นทุนได้ดีขึ้น ทำให้ค่าใช้จ่ายลดลงและส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรเพิ่มขึ้นในปี 2565 "ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2565 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการส่งออกเพิ่มมากขึ้น หลังจากปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์คลี่คลาย ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น รวมถึงการอ่อนค่าของค่าเงินบาท ทำให้บริษัทฯ ได้รับประโยชน์ รวมถึงการวางยุทธศาสตร์และแผนขยายการลงทุนในครึ่งปีหลังอย่างต่อเนื่อง สามารถผลักดันให้ผลประกอบการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง" นายธานิน กล่าว
นายธานิน กล่าวต่อว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2565 บริษัทฯ ยังคงเน้นการเติบโตจากการขยายงานส่งออกไปยังต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่บริษัทฯ ได้ก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ซึ่งได้รับอนุญาตเป็นเขตปลอดอากร (Free Zone-ฟรีโซน) เฟสแรก ใช้งบลงทุน 150-200 ล้านบาท บนเนื้อที่ 25 ไร่ ในตำบลบางปลากด อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อผลิตสินค้าส่งออกต่างประเทศทั้งหมด โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3 ปีนี้ และเริ่มดำเนินการผลิตได้ในช่วงปลายไตรมาส 3 หรือต้นไตรมาส 4 ปี 2565 นี้ และก่อสร้างเฟสถัดๆไปต่อเนื่องเพื่อรองรับงานส่งออกที่มีแนวโน้มเข้ามามากขึ้น ในส่วนของการผลิต ประกอบ ติดตั้ง ซ่อมแซม บำรุงรักษา และจำหน่าย รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle -EV) รวมทั้งชิ้นส่วน EV Part ที่บริษัทรับจ้างผลิต คาดว่าจะยังคงได้รับออร์เดอร์อย่างต่อเนื่อง และจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทฯ มากขึ้น จากปัจจัยดังกล่าว คาดว่าจะช่วยหนุนให้รายได้ปีนี้ โต 15-20 % หรือมีรายได้ประมาณ 1,300 - 1,400 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีรายได้รวม 1,146.66 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้