บมจ. ฟังก์ชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล (FTI) ลั่นระฆังเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) วันที่ 19 พฤษภาคมนี้ มั่นใจกระแสการตอบรับดีเยี่ยม เนื่องจากเป็นผู้นำผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับน้ำครบวงจรของไทยและอาเซียน มีปัจจัยพื้นฐานแกร่ง อนาคตเติบโตก้าวกระโดด ตามเทรนด์ขาขึ้นของอุตสาหกรรมเครื่องกรองน้ำและอุปกรณ์ระบบน้ำ ขณะที่นักลงทุนเข้าใจโมเดลธุรกิจ และสถาบันให้ความสนใจหุ้นมากกว่าจำนวนที่จัดสรร " ดร.วิกร ภูวพัชร์ " ระบุนำเงินที่ได้จากการระดมทุนเพิ่มศักยภาพฐานทุนต่อยอดธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน หวังขึ้นผู้นำในกลุ่มภูมิภาคเอเชียในอนาคต พร้อมปักหมุดรายได้ปี 65 เติบโตมากกว่า 25-30 %
ดร.วิกร ภูวพัชร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟังก์ชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ FTI มั่นใจว่าในวันที่ 19 พฤษภาคม 2565 เมื่อหุ้น FTI เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) เป็นวันแรก จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างคักคัก เนื่องจากเป็นหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมเครื่องกรองน้ำและอุปกรณ์ระบบน้ำอุตสาหกรรมเครื่องกรองน้ำซึ่งมีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็ว จากความต้องการใช้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งผู้บริหารและพนักงานทุกคนมีความมุ่งมั่น ตั้งใจจะช่วยกันผลักดันธุรกิจให้เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด
ทั้งนี้ ภายหลังจากที่ได้รับเงินจากการระดมทุนบริษัทฯ จะนำไปใช้ในการขยายสาขาตัวแทนจำหน่าย "Aquatek" และ "Water Store" เพิ่มกำลังการผลิตประกอบ ปรับปรุงคลังสินค้า และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเติบโตในอนาคต ซึ่งจะทำให้ FTI มีศักยภาพฐานทุนที่แข็งแกร่ง พร้อมกับยกระดับมาตรฐานองค์กรให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลทั้งคู่ค้า ลูกค้า และพันธมิตร รวมทั้งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจไปต่างประเทศได้มากขึ้น
"บริษัทฯ พร้อมที่จะเดินหน้าขยายธุรกิจในทุกภาคส่วนให้เติบโตอย่างมีศักยภาพ เพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพให้กับลูกค้า ซึ่งการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯในครั้งนี้ช่วยสนับสนุนให้บริษัทฯ มีฐานทุน สามารถนำไปต่อยอดธุรกิจในระยะยาว ซึ่งการที่บริษัทฯ เป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับน้ำอย่างครบวงจรทั้งในประเทศและภูมิภาคอาเซียน ผสานกับความเข้าใจและความต้องการของตลาด รวมถึงการมีโซลูชั่นที่มีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถมั่นใจได้ว่าผลการดำเนินงานในอนาคตจะเติบโตอย่างยั่งยืน ตลอดจนตั้งเป้าหมายที่จะผลักดัน เพื่อยกระดับขึ้นเป็นผู้นำในระดับภูมิภาคเอเชียให้ได้ในอนาคต และในปีนี้ตั้งเป้ารายได้เติบโตมากกว่า 25-30 % จากปีก่อน" ดร.วิกรกล่าว
นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย)จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า มีความมั่นใจหุ้นน้องใหม่ FTI จะได้รับความสนใจและตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากนักลงทุน เนื่องด้วย ปัจจัยพื้นฐานธุรกิจมีความโดดเด่นในทุกมิติ โดยแนวโน้มธุรกิจยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากอุตสาหกรรมเครื่องกรองน้ำยังมีการเติบโตได้จากความต้องการบริโภคน้ำที่มีคุณภาพ ตลอดจนเทรนด์ของการดูแลสุขภาพล้วนเป็นปัจจัยสนับสนุนในทิศทางที่ดีน่าจะทำให้บริษัทฯ มีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น ขณะที่ผลประกอบการ ทั้งรายได้และกำไรมีอัตราการขยายตัวต่อเนื่องทุกปี
รวมทั้งในช่วงที่ผ่านมากระแสตอบรับจากการโรดโชว์ผ่านระบบออนไลน์ พบว่ามีนักลงทุนให้ความสนใจจำนวนมาก ขณะที่เมื่อเปิดให้จองซื้อหุ้นไอพีโอ นักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อหุ้นเกินกว่าจำนวนหุ้นที่เสนอขาย โดยเฉพาะกลุ่มสถาบัน ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อบริษัทฯ ประกอบกับการกำหนดราคาขายที่ 2.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็นค่าพีอีเรโช 30.92 เท่า ถือเป็นราคาที่สร้างแรงจูงใจ
"เชื่อว่า FTI จะเป็นหุ้นน้องใหม่ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจให้กับนักลงทุน เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี ธุรกิจยังมีอนาคตที่สดใสตามอุตสาหกรรมเครื่องกรองน้ำและอุปกรณ์ระบบน้ำที่เติบโตต่อเนื่อง รวมถึงผู้บริหารมีประสบการณ์ และมีความเชี่ยวชาญมายาวนานกว่า 25 ปี ซึ่งได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุน ขณะที่มีความสามารถในการบริหารต้นทุนได้ดี ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำกำไรช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีความโดดเด่นและมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง "นายวิชา กล่าวในที่สุด