"บมจ.โรแยล พลัส" หรือ PLUS พร้อมเทรดวันแรกใน SET 20 พฤษภาคมนี้ หลังโชว์กระแสตอบรับในการจองซื้อหุ้น IPO ล้นหลาม สะท้อนความเชื่อมั่นจากนักลงทุน โดยบริษัทฯ เตรียมเดินหน้าโครงการสายการผลิตระบบการบรรจุปลอดเชื้อ Aseptic สำหรับขวดพลาสติก (PET) เงินที่ได้ใช้เสริมศักยภาพการผลิต ตลอดจนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีโอกาสเติบโตสูง และเตรียมบุกหนักตลาดต่างประเทศ ผลักดันผลงานก้าวกระโดด โดยในปีนี้ตั้งเป้ารายได้โต 50% ขณะที่งบ Q1/65 ท็อปฟอร์ม ทำรายได้รวม 390 ลบ. โตเกือบ 67% กำไร 47 ลบ. พุ่งเกือบ 193% ด้านบทวิเคราะห์ ระบุ PLUS ในปี 65 คาดรายได้-กำไรฟื้นตัวโดดเด่น หลังโควิดคลี่คลาย ด้านโบรกเกอร์ชั้นนำ ให้ราคาเหมาะสมเฉลี่ยที่ 4.56-7.20 บาท/หุ้น
นายพลแสง แซ่เบ๊ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท โรแยล พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ PLUS กล่าวว่า บริษัทฯ พร้อมเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2565 นี้ โดยใช้ชื่อย่อ 'PLUS' ในการซื้อขายหลักทรัพย์ และเชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพของบริษัทฯ ในธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มน้ำผลไม้และเครื่องดื่มต่างๆ พร้อมสร้างผลประกอบการที่ดีในระยะยาว เนื่องจากอุตสาหกรรมน้ำผลไม้ส่งออก เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศ และเราเป็นผู้ส่งออกน้ำมะพร้าวอันดับต้นๆ โดยกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของ PLUS คือ สหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชีย ได้แก่ประเทศ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี เป็นต้น
อีกทั้งได้เตรียมขยายตลาดใหม่ไปยังกลุ่มประเทศ CLMV เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภค ตอกย้ำการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มน้ำผลไม้ระดับประเทศ ด้วยผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างยั่งยืน หลังจากได้เงินระดมทุน PLUS พร้อมขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับการเติบโตของยอดขาย โดยเตรียมเพิ่มไลน์การผลิตเดินหน้าโครงการสายการผลิตระบบการบรรจุปลอดเชื้อ Aseptic สำหรับขวดพลาสติก (PET) ตอบโจทย์ลูกค้าในไทยและกลุ่มลูกค้า CLMV ตั้งเป้าจะติดตั้งเครื่องจักรภายในปี 2567 และล่าสุดบริษัทฯได้ลงนามสัญญาจ้างงานก่อสร้าง และติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) รวมถึงการปฏิบัติการและการบำรุงรักษาระบบ ให้กับโรงงานอ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ของ PLUS ขนาดการติดตั้ง 984.96 กิโลวัตต์ เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้เองในกิจการ และสิทธิประโยชน์จากบีโอไอ โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานเอกชนชั้นนำ เตรียมเริ่มติดตั้งภายในไตรมาส 2/2565 คาดว่าจะลดค่าไฟฟ้าลง 30%
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ปัจจุบันบริษัทฯ มีโปรดักส์ใหม่ 2 ตัว เป็นโปรตีนที่มาจากพืช "โคโคนัท โยเกิร์ต" ตอบโจทย์ลูกค้าในสหรัฐอเมริกา และน้ำนมมะพร้าวที่มาจากธรรมชาติ 100% ตอบโจทย์เทรนด์สินค้าเพื่อสุขภาพทั้งในปัจจุบันและอนาคต ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าในปัจจุบันส่งผลบวกต่อ PLUS ในฐานะผู้ส่งออก ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสนับสนุนเป้าหมายรายได้ปี 2565 ให้เติบโตก้าวกระโดด 50% จากปีก่อน
นางสาวสุวิมล ศรีโสภาจิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท โรแยล พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ PLUS เป็นหนึ่งในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง สะท้อนจากธุรกิจตลาดน้ำผลไม้มีอัตราการเติบโตสูง จากข้อมูลของ Global Newswire ในปี 2564-2570 ตลาดน้ำมะพร้าวและตลาดน้ำนมมะพร้าวคาดว่ามีอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 17.7% และ 11.6% ตามลำดับ แต่ประเมินว่าในปี 2565 สถานการณ์จะเริ่มคลี่คลายกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ส่งผลเชิงบวกต่อรายได้และกำไร
โดยจุดเด่นของ PLUS คือเป็นหุ้นที่การเติบโตที่ยั่งยืนของรายได้ ด้วยยอดขายเติบโตเฉลี่ยปีละ 8.5% สำหรับช่วงปี 2561-2564 เนื่องจากความต้องการของสินค้าที่มากขึ้น แม้ว่าค่าระวางเรือปรับตัวสูงขึ้นในปี 2564 ซึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ยอดการสั่งซื้อยังคงต่อเนื่อง บริษัทฯ เน้นกลยุทธ์การขายสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง เช่น น้ำนมมะพร้าว บวกกลยุทธ์การควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ มีโอกาสรับรู้อัตรากำไรสุทธิที่ดีขึ้น คาดว่าจะไม่เกิดการตัดจำหน่ายสินค้าคงเหลืออย่างมีนัยสำคัญอีก เนื่องจาก PLUS ผลิตสินค้าตามออเดอร์เท่านั้นและจะไม่สำรองสินค้าในปริมาณที่สูง
สำหรับผลประกอบการล่าสุดของบริษัทฯในงวดไตรมาส 1/2565 มีรายได้รวมเท่ากับ 390.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 156.4 ล้านบาทหรือ 66.9% เทียบกับงวดเดียวกันของปี 2564 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 46.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.8 ล้านบาท หรือ 192.5% โดยคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นที่ 28.7% อัตรากำไรสุทธิที่ 12.0% ผลการดำเนินงานของบริษัทฯที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจากตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 ลูกค้ามีคำสั่งซื้อล่วงหน้าและมีการจัดส่งสินค้าในช่วงไตรมาส 1 ของปีนี้ โดยมีสาเหตุสำคัญจากสินค้าของ PLUS เป็นที่ต้องการของลูกค้าในทวีปอเมริกาเพิ่มมากขึ้นจึงทำให้ยอดขายสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีผลการดำเนินงานที่ดีทั้งรายได้ ต้นทุนและกำไรใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้
PLUS มีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจ โดยมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่มีคุณภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่รักสุขภาพ และชื่นชอบวัตถุดิบธรรมชาติ (Natural Ingredients) ด้วยนวัตกรรมที่ไม่หยุดนิ่ง ขยายฐานตลาดจากคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ (Partnership) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ภายใต้การสร้างแบรนด์สินค้าของ PLUS ให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก พร้อมสร้างความสุขและยกระดับคุณภาพชีวิตให้ทุกคนอย่างยั่งยืน
ขณะที่บทวิเคราะห์จาก 7 บริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำ ให้ราคาเหมาะสมหุ้น PLUS ให้ราคาเหมาะสมเฉลี่ยที่ 4.56-7.25 บาท/หุ้น
โดยบล.เคจีไอ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า PLUS ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มไปหลายประเทศในหลายทวีป โดยรายได้มากกว่า 98% เป็นรายได้จากการส่งออกโดยกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของ PLUS คือ สหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชีย ได้แก่ประเทศ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี เป็นต้น อีกทั้งได้เตรียมขยายตลาดใหม่ไปยังกลุ่มประเทศ CLMV และจีน คาดว่าจะทำให้รายได้ของ PLUS ในปี 2565-2567 เติบโต 40%, 25% และ 25% ตามลำดับ ให้ราคาเหมาะสมในปี 2565 ที่ 5.10 บาท
บล.หยวนต้า ระบุมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของ PLUS ที่คาดจะเติบโตสูงได้ต่อเนื่องจากออเดอร์ในมือที่เพิ่มขึ้นจากทั้งลูกค้ารายใหม่และเก่า และ Product mix ที่ดีขึ้น พร้อมกับฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งหลัง IPO โดยคาดว่ากำไรปกติปี 2565 จะเติบโต 53.7% ทำนิวไฮ และคาดจะทำระดับสูงสุดใหม่ถึงปี 2567 จากการรับรู้กำลังการผลิตใหม่และขยายตลาดในสหรัฐฯและเอเชีย ให้มูลค่าเหมาะสมปี 2565 ที่ราคา 7.25 บาทต่อหุ้น
ด้านบล.เอเซียพลัส ระบุว่า PLUS ผู้ผลิตเครื่องดื่มน้ำผลไม้ น้ำนมมะพร้าว น้ำมะพร้าว ที่มูลค่าตลาดรวมปี 2564-2570 มีแนวโน้มเติบโต 12% และ 17% ต่อปี ให้กับคู่ค้า (OEM) นำไปวางจำหน่ายต่อในร้านค้าปลีกชั้นนำในสหรัฐฯ รวมถึงคู่ค้าอื่นๆ ในจีนและยุโรป โดยคาดว่ากำไรปกติปี 2565 อยู่ที่ 141 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34%YoY ปี 2566 เติบโต 24% YoY และปี 2567 โต 18% YoY คิดเป็น CAGR 25% ต่อปี ให้ราคาเหมาะสมปี 2565 ที่ 5.30 บาท ขณะที่แนวโน้มการขยายตัวของกำไร PLUS ช่วง 3 ปีข้างหน้าเด่นกว่ากลุ่มฯที่มี CAGR ไม่เกิน 20%