บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้นำเบอร์หนึ่งอสังหาริมทรัพย์ไทยเพื่อความยั่งยืน เดินหน้าตามแผน "Retail-Led Mixed-Use Development" ตอกย้ำความแข็งแกร่งในการพัฒนา 4 ธุรกิจหลักคือ ศูนย์การค้า, ที่อยู่อาศัย, อาคารสำนักงาน และโรงแรมให้ประสบความสำเร็จครอบคลุมกว่า 30 จังหวัดทั่วประเทศ โดยภายในปี 2569 เซ็นทรัลพัฒนาจะมีโครงการจากทุกธุรกิจรวมกันกว่า 180 โครงการ สร้างปราฏการณ์ทางอสังหาริมทรัพย์ครั้งสำคัญ พร้อมขยาย Sustainable Ecosystem เติมเต็ม Imagining better futures for all ให้สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการใช้ชีวิตได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ในอีก 5 ปีข้างหน้า เซ็นทรัลพัฒนาจะมีการเติบโตใน 4 ธุรกิจอย่างคู่ขนานด้วยสัดส่วน Retail Property 72% และ Non-Retail 28% โดยมีพื้นที่รีเทลรวม 2.7 ล้านตร.ม., พื้นที่อาคารสำนักงานรวม 0.5 ล้านตร.ม., โรงแรมมีทั้งหมดรวม 4,000 ห้อง และโครงการที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบและแนวสูงรวม 68 โครงการภายใต้อย่างน้อย 6 แบรนด์ที่ตอบโจทย์ทุกเซ็กเมนต์
นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า "เรามุ่งมั่นที่จะต่อยอดธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ Imagining better futures for all นับจากนี้ทุกโครงการของเราจะมีมากกว่า 1 องค์ประกอบเป็นมิกซ์ยูสที่สมบูรณ์แบบ ด้วยกลยุทธ์ Retail-Led ที่มีศูนย์การค้าเป็นหัวใจสำคัญในการเชื่อมโยงทุกองค์ประกอบแบบ Fully-Integrated โดยทั้ง 4 ธุรกิจสามารถเติบโตไปด้วยกันใน Ecosystem ของเซ็นทรัลพัฒนา อีกทั้งยังมีศักยภาพที่จะขยายธุรกิจไปเองได้อย่างมีอิสระ ขึ้นอยู่กับทำเลและการตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละพื้นที่ เติมเต็มให้เป็น Sustainable Ecosystem ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นทั้งในกลุ่มธุรกิจของเซ็นทรัลพัฒนา และของเซ็นทรัลกรุ๊ป ดังนั้น การพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสของเราจึงไม่ได้มองแค่การเป็น shopping center เท่านั้น แต่เรามองไปถึงการเริ่มต้นชีวิตที่บ้าน คิดไปถึงการทำงานที่ที่ทำงาน และการไปพักผ่อนที่โรงแรมด้วย"
เซ็นทรัลพัฒนา เปิดเผยแผนธุรกิจ 5 ปี ลงทุน 120,000 ล้านบาท เดินหน้าพัฒนาโครงการ Retail-Led Mixed-Use Development ครอบคลุมกว่า 30 จังหวัดทั่วประเทศ โดยมีรายละเอียดการพัฒนา 4 ธุรกิจหลัก ดังนี้
ธุรกิจ "ศูนย์การค้า" ตอกย้ำผู้นำเบอร์หนึ่งพัฒนาโครงการใหญ่ 50 โครงการทั้งในและต่างประเทศและคอมมูนิตี้ มอลล์ 16 แห่ง บุกทำเลศักยภาพสูง CBD Bangkok
นายชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจและโครงการ กล่าวว่า "เซ็นทรัลพัฒนามีจุดแข็งในการเป็น Center of Life ทำให้มีความเข้าใจหัวใจสำคัญของการพัฒนามิกซ์ยูส ซึ่งส่วนรีเทล เป็นหัวใจสำคัญที่เชื่อมโยงทุกองค์ประกอบ Synergy เข้าหากัน มอบ new solutions ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน ชุมชน และประเทศ ด้วยกลยุทธสำคัญคือ 1) Develop District: บุกเบิกสร้างย่าน เปิดเมือง นำพาความเจริญไปยังทุกที่ที่เราไปถึง 2) Strong Synergy and Ecosystem: การมี Ecosystem ระหว่างทุกองค์ประกอบในโครงการ มอบความสะดวกสบายและ privilege ให้กับผู้ใช้งานในทุกส่วน รวมไปถึงการผนึกกำลังในกลุ่มเซ็นทรัลทั้งการแบ่งปันความเชี่ยวชาญและการใช้ Big Data จาก The 1 ทำให้เราเข้าใจตลาดทั่วประเทศ และ 3) Community at heart: ยึดหลักการ co-create กับท้องถิ่น ทั้งในด้านการสร้าง Local Wealth และการส่งเสริม Local Essence ของท้องถิ่นนั้นๆ"
นายวุฒิเกียรติ เตชะมงคลาภิวัฒน์ Head of Community Mall Business กล่าวว่า "สำหรับธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์ เราตั้งใจที่จะปรับกลยุทธ์และต่อยอดให้ดีขึ้นด้วยแนวคิด Center of Life พร้อมยกระดับไลฟ์สไตล์ให้เข้าถึงลูกค้าและชุมชนมากขึ้น โดยธุรกิจ Small Retail นี้จะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงการขนาดใหญ่ที่เรามีอยู่แล้ว ทำให้ขยายไปสู่ทำเลศักยภาพสูงและย่าน CBD ได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น โครงการใหม่ที่จะเปิดให้บริการในไตรมาส 4/65 นี้คือ โครงการ Marche Thonglor ที่จะตอบโจทย์ neighborhood ที่ดีที่สุดในย่านทองหล่อ"
สำหรับแผนขยายโครงการในต่างประเทศ เซ็นทรัลพัฒนาตั้งเป้าเป็น Regional Retail Platform ที่นำพาธุรกิจต่างๆ ต่อยอดความสำเร็จร่วมกัน ปัจจุบันได้เปิดโครงการศูนย์การค้าไทยแห่งแรกคือเซ็นทรัล ไอ-ซิตี้ ที่มาเลเซีย นอกจากนี้ ยังคงศึกษาโอกาสใหม่ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะมาเลเซียและเวียดนาม ต่อยอดจากที่กลุ่มเซ็นทรัลได้เข้าไปบุกเบิกการทำธุรกิจ
ธุรกิจ "โครงการที่อยู่อาศัย" มอบคุณภาพชีวิตในการอยู่อาศัยที่ดีที่สุดให้คนไทย และมูลค่าเพิ่มขึ้นในระยะยาว ขยายโครงการทั้งแนวราบและแนวสูงรวม 68 โครงการทั่วประเทศ
ร.อ. กรี เดชชัย President of Residential Business กล่าวว่า "ธุรกิจ Residential เป็นหนึ่งในธุรกิจที่สร้างความแข็งแกร่งให้กับเซ็นทรัลพัฒนามากกว่า 8 ปี วันนี้เราพร้อมก้าวสู่การเป็น Top Developer พัฒนาโครงการที่มีคุณภาพ ครอบคลุมทั้งแนวราบและแนวสูง โดยมีกลยุทธ์ในการพัฒนาต่อยอดกับโลเคชั่นของศูนย์การค้าของเซ็นทรัลพัฒนา และจับมือกับโครงการต่างๆ ร่วมกับเครือกลุ่มเซ็นทรัล รวมถึงการพัฒนาโครงการเดี่ยวอีกมาก เราเป็นผู้นำคอนโดมิเนียมและโครงการหมู่บ้านจัดสรรบนทำเลศักยภาพสูงที่อยู่ติดหรือใกล้กับศูนย์การค้า ซึ่งมอบความสะดวกสบายครบทุกไลฟ์สไตล์ให้กับลูกบ้าน อีกทั้งมุ่งมั่นที่จะส่งมอบโครงการคุณภาพภายใต้แบรนด์และฟอร์แมตที่หลากหลายทั้งแนวสูงและแนวราบ ได้แก่ คอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และโฮมออฟฟิศ นอกจากนี้ เรายังเลือกทำเลที่ดีที่สุดของย่านและเมืองนั้นๆ ซึ่งมั่นใจได้ว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเสมอ เรียกว่าการเป็นลูกบ้านเซ็นทรัลแตกต่างด้วย 'คุณภาพการอยู่อาศัยที่ดี ลงทุนก็มั่นคง' ให้บ้านเซ็นทรัลเป็นบ้านที่ดีที่สุดในทุกย่าน ทุกเมือง และทุกจังหวัดของไทย"
ปัจจุบัน Central Pattana Residential มีทั้งหมด 22 โครงการรวมมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งมียอดโอนแล้ว 10,000 ล้านบาท และยอดรอรับรู้รายได้ 3,700 ล้านบาท มีลูกบ้านเซ็นทรัลแล้วกว่า 10,000 ราย
ธุรกิจ "โรงแรม" บุกเบิกศักยภาพและสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับธุรกิจโรงแรม ด้วยฟอร์แมตใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ทุกการพักผ่อนและการท่องเที่ยว พัฒนารวม 37 โครงการ 4,000 ห้อง ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์
นายภูมิ จิราธิวัฒน์ Head of Hotel Property กล่าวว่า "ธุรกิจโรงแรมเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เซ็นทรัลพัฒนามีความเชี่ยวชาญ ปัจจุบันเรามีเซ็นทารา อุดรธานี และฮิลตัน พัทยา โดยเราเล็งเห็นถึงการเพิ่มศักยภาพของธุรกิจโรงแรมในทุกจังหวัดให้มีมาตรฐาน ยกระดับให้เป็นเมืองท่องเที่ยวได้ โดยเรามีความมั่นใจในการขยายธุรกิจโรงแรมทั่วประเทศ ด้วยจุดแข็งของทำเลที่ตั้งอยู่บนทำเลโดดเด่นใจกลางเมืองเป็นจุดเริ่มต้นของทุกการเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อน อีกทั้งการเชื่อมโยงกับศูนย์การค้ายังมอบความสะดวกสบายครบครัน โดยเรามุ่งตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าในแต่ละพื้นที่ภายใต้ 3 แบรนด์ ได้แก่ Centara แบรนด์ระดับ Upscale ที่มาพร้อมส่วนสัมมนาและการจัดเลี้ยง, แบรนด์ Lifestyle Midscale ที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ทุกแบบทั้งทำงานและพักผ่อน และอีกแบรนด์เป็น Premium budget อยู่ในทำเลที่โดดเด่น สะดวก สะอาด ปลอดภัย ทั้งนี้ เราจะพัฒนาโรงแรมที่ได้ระดับมาตรฐาน พร้อมทั้งคุณภาพและการให้บริการ ภายใต้การบริหารของเชนโรงแรมให้กับทุกจังหวัด โดยมีทั้งแผนเปิดในโครงการศูนย์การค้าของเซ็นทรัลพัฒนาในจังหวัดต่างๆ และพัฒนาร่วมกับศูนย์การค้าในเซ็นทรัลกรุ๊ปด้วย"
ธุรกิจ "อาคารสำนักงาน" ย้ำการเป็นผู้นำ พัฒนารวม 13 โครงการเป็น The Most Preferred Workplace ของทั้งบริษัทผู้เช่าและคนทำงาน
นางสาวนภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ Chief Financial Officer and Senior Executive Vice President, Finance, Accounting and Risk Management กล่าวว่า "ด้วยประสบการณ์กว่า 40 ปี ธุรกิจออฟฟิศของเราได้รับความเชื่อมั่นจากธุรกิจชั้นนำตั้งแต่องค์กร Corporate ขนาดใหญ่ไปจนถึงบริษัทและสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ โดยเราครองความเป็น Leading Player ในย่าน Bangkok CBD และ Prime Locations เชื่อมต่อเข้ากับพื้นที่ศูนย์การค้าที่ตั้งอยู่บน Financial & Business District ที่สำคัญ โดยที่ผ่านมาอาคารสำนักงานของเรารักษา Occupancy Rate ได้มากกว่า 90% มาโดยตลอด พร้อมมุ่งมั่นพัฒนาและปรับปรุงโครงการของเราอย่างต่อเนื่อง ตอบโจทย์การทำงานยุคใหม่ด้วยความเชี่ยวชาญในการพัฒนา Space รูปแบบใหม่ๆ และความใส่ใจในคุณภาพชีวิตทุกคนที่ต้องเข้ามาใช้พื้นที่ นอกจากนี้ เรายังมุ่งมั่นพัฒนาอาคารสำนักงานเป็น LEED Green Building ภายใต้วิสัยทัศน์ด้าน Sustainability ของเราด้วย
ในปีนี้โฟกัสสำคัญคือการปรับโฉม The Offices at centralwOrld และวางแผนขยายโปรเจ็คในอนาคต ได้แก่ Central Park Office ภายในโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ที่จะพลิกโฉมสู่ Professional Hub ระดับโลก และโครงการภายใต้บริษัท GLAND ในย่านพระราม 9 CBD ศักยภาพสูง"
เพื่อตอบรับเทรนด์แห่งอนาคต นอกจาก 4 ธุรกิจหลักภายใต้ Retail-Led Mixed-Use Development เซ็นทรัลพัฒนายังมีกลุ่มธุรกิจ Alternative Assets เพื่อมองหาโอกาสในการขยายและลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่จะเติมเต็ม Ecosystem และเชื่อมโยงกับธุรกิจหลัก อาทิ การร่วมทุน Grab ที่เป็น Delivery Platform และ Common Ground ที่เป็น Co-Working Space และเตรียมศึกษาการลงทุนใน Venture Capital ที่เตรียมเปิดเผยรายละเอียดเร็วๆ นี้
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ขับเคลื่อนสู่อนาคตภายใต้เจตจำนงค์ของแบรนด์ Imagining better futures for all ด้วยการสร้างและพัฒนาพื้นที่ที่มีคุณภาพเพื่อดูแลคนและชุมชน รวมถึงสิ่งแวดล้อม ให้เติบโตควบคู่ไปกับการเดินหน้าทางเศรษฐกิจและขับเคลื่อนประเทศไทย