กรุงเทพฯ--19 มี.ค.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
CFA Institute สหรัฐอเมริกา รับรองคณะบริหารธุรกิจ นิด้า เป็นพาร์ทเนอร์ แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย และเป็น 1 ใน 4 ของทวีปเอเชีย เผย CFA?เป็นกุญแจดอกสำคัญในวิชาชีพด้านการเงินที่ทำให้มีมาตรฐานระดับโลก ระบุปัจจุบันตลาดต้องการ CFA? อีกมาก แต่เมืองไทยมีแค่ 600 กว่าคนเท่านั้น
วันนี้ (19 มีนาคม 2551) ที่โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท ได้มีพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือในการเป็น CFA โปรแกรมพาร์ทเนอร์ โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง คณะบริหารธุรกิจ-นิด้า (NIDA BUSINESS SCHOOL) และ CFA Institute สหรัฐอเมริกา โดยมี สมาคมซี เอฟ เอ ไทยแลนด์ (CFA Society of Thailand) ร่วมเป็นสักขีพยาน
รองศาสตราจารย์ ดร.เอกชัย นิตยาเกษตรวัฒน์ คณบดีคณะบริหารธุรกิจ นิด้า หรือ NIDA BUSINESS SCHOOL เปิดเผยว่า หลักสูตรปริญญาโทสาขาวิชาการลงทุนและการจัดการความเสี่ยง หรือ “FIRM” (Financial Investment and Risk Management Program) ได้รับการรับรองจาก CFA Institute ในสหรัฐอเมริกา ให้เป็น CFA โปรแกรม พาร์ทเนอร์ ซึ่งนับเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทย และเป็นแห่งที่ 4 ของทวีปเอเชีย ที่ได้รับการรับรอง จึงถือได้ว่าหลักสูตรนี้มีมาตรฐานเดียวกับหลักสูตรทางการเงินอื่นๆ ของโลก อาทิ Oxford , Cornell และ National University of Singapore
“คณะฯ รู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้รับเลือกให้เป็นพาร์ทเนอร์ของสถาบัน CFA ซึ่งเป็นสถาบันที่ก่อกำเนิดหลักสูตร CFA? ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกในด้านของการสร้างผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินการลงทุน และจะเลือกพาร์ทเนอร์ในแต่ละประเทศเพียงรายหรือ 2 รายเท่านั้น ยกเว้นประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศในทวีปยุโรปที่จะพิจารณามากกว่านั้น โดยเนื้อหาหลักสูตร FIRM ของนิด้า-เอ็มบีเอสอดคล้องกับหลักสูตร CFA? ซึ่งผู้ที่สำเร็จการศึกษา สามารถนำความรู้ไปสอบ CFA ได้ทั้ง 3 ระดับ” รศ.ดร.เอกชัย กล่าว
ทั้งนี้ CFA Institute เป็นสถาบันจัดสอบและมอบประกาศนียบัตรทางวิชาชีพชั้นสูงทางด้านการเงิน และการลงทุน หรือ Chartered Financial Analysts (CFA) สำหรับผู้ที่จะประกอบวิชาชีพนักวิเคราะห์ ผู้จัดการกองทุน และที่ปรึกษาทางการเงิน ที่มีมาตรฐานระดับโลก โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะพัฒนาบุคลากรในแวดวงตลาดเงิน ตลาดทุน ให้มีความรู้ ความซื่อสัตย์ ความเชี่ยวชาญ และความเป็นมืออาชีพ
คณบดี NIDA Business School กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน CFA เป็นหลักสูตรที่เป็นที่นิยมของหนุ่มสาวนักการเงิน เพราะเป็นหลักสูตรสากลที่ได้รับการยอมรับในตลาดทุนทุกแห่งทั่วโลก และการที่จะสอบผ่านหลักสูตรนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เมื่อผ่านแล้วหลักสูตรนี้แล้ว ก็ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับผู้ที่สอบผ่าน ซึ่ง CFA
ฝึกให้เป็นผู้บริหารมืออาชีพ ที่ไม่ได้หมายความว่ามีความรู้ความสามารถเฉพาะทางเท่านั้น แต่หมายถึงการมีคุณธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ รวมทั้งต้องพัฒนาตัวเอง เรียนรู้เพื่อให้ทันสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ
ปัจจุบันการสอบ CFA แบ่งออกได้เป็น 3 ระดับ โดยใช้เวลาสอบ 3 ปี ระดับที่ 1 เป็นการปูพื้นฐาน โดยจะมีการสอบความรู้เบื้องต้นที่เกี่ยวกับการประเมินมูลค่าการลงทุน และการบริหารกลุ่มหลักทรัพย์ ระดับที่ 2 ต้องรู้เรื่องบัญชี เพื่อใช้วิเคราะห์การเงิน การประเมินคุณค่า และสุดท้าย ระดับที่ 3 จะเน้นเรื่องการบริหารพอร์ตลงทุน หลังจากนั้นยังต้องมีประสบการณ์ทำงานตรงตามสายงานที่เกี่ยวข้องเป็นระยะเวลา 3 ปี ถึงจะถือว่าสอบผ่าน อย่างสมบูรณ์แบบ
“ในปีนี้ คาดว่าจะมีผู้สอบผ่านหลักสูตรนี้ในทั่วโลกถึง 180,000 คน สำหรับประเทศไทยมีผู้สอบผ่าน CFA ทั้ง 3 ระดับ รวม 610 คน โดยที่ในปีนี้ เชื่อว่าจะมีผู้สนใจสมัครสอบจำนวนกว่า 900 คน” คณบดี NIDA Business School กล่าว
ด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กำพล ปัญญาโกเมศ ผู้อำนวยการหลักสูตรปริญญาโท สาขาวิชาการลงทุนและการจัดการความเสี่ยง หรือ FIRM กล่าวอีกว่า ขณะนี้แทบทุกองค์กรก็หันมาให้ความสำคัญในการรับบุคลากรเข้าทำงานโดยพิจารณาผู้ที่ผ่านหลักสูตร CFA เป็นลำดับต้น ๆ ดังนั้นหลักสูตร CFA เป็นประกาศนียบัตรวิชาชีพที่ยอมรับกันทั่ว
“การสอบ CFA นั้น ถือว่าเป็นตัวกำหนดมาตรฐานการศึกษาได้อย่างหนึ่ง เนื่องจากปัจจุบันบริษัทต่างชาติเข้ามาบริหารงานในไทยมากขึ้น การมีตัวกำหนดมาตรฐานจะเป็นเครื่องการันตีคุณภาพของนักศึกษาคนนั้นด้วย และหางานทำได้ง่ายขึ้นเพราะมีประกาศนียบัตรรับรอง พร้อมบ่งบอกมาตรฐานคุณภาพของสถาบันการเงินนั้นๆ ด้วยว่าได้คนคุณภาพเข้ามาบริหาร” ผศ.ดร.กำพล กล่าว
สำหรับหลักสูตร FIRM เป็นหลักสูตรเดียวในประเทศไทยที่เน้นองค์ความรู้ด้านการวิเคราะห์การเงิน การลงทุน และการจัดการความเสี่ยงที่ถูกต้องชัดเจน โดยได้นำแนวทางความรู้ของ CFA และ FRM มาใช้ในการเรียนการสอน ซึ่งที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า แม้จะมีเครื่องมือในการวิเคราะห์มากมายแต่ก็ยังไม่เคยมีสถาบันการศึกษานำมาบรรจุเป็นหลักสูตรในระดับปริญญาโทอย่างจริงจัง จึงนับได้ว่าหลักสูตรนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
ผู้อำนวยการหลักสูตร FIRM กล่าวเพิ่มเติมว่า NIDA Business School เห็นความสำคัญของการสอบ CFA จึงมีการให้ทุนกับนักศึกษาที่ต้องการไปสอบ CFA ด้วย โดยในระดับที่ 1 จะให้ทุนปีละ 10 ทุน ส่วนระดับ 2-3 ไม่มีการให้ทุน แต่หากสามารถสอบผ่านก็สามารถมาเบิกเงินกับทางคณะได้เพื่อสนับสนุนให้นักศึกษาไปสอบ โดยค่าใช้จ่ายในการสอบทั้ง 3 ระดับไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท สามารถสอบได้ตามศูนย์ต่างๆ ที่มีอยู่ทั่วโลก 130 กว่าประเทศ
อนึ่ง CFA Institute เป็นองค์กรระดับโลก ที่ไม่มุ่งเน้นการหากำไร ทำหน้าที่ในการออกแบบหลักสูตรและควบคุมการสอบ CFA โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะเน้นการพัฒนาบุคคลากรที่เกี่ยวข้องกับตลาดเงินและตลาดทุน ทั้งในแง่ความรู้ ความซื่อสัตย์ และความเป็นมืออาชีพ ในปัจจุบัน CFA Institute มีสมาชิกประมาณ 85,000 คน ใน 128 ประเทศ โดยมีสมาชิกที่สอบผ่านหลักสูตร CFA? แล้วประมาณ 70,000 คน และมีสมาคมย่อยในแต่ละประเทศรวมทั้งสิ้น 134 สมาคม ใน 55 ประเทศ โดย CFA Institute มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Charlottesville, Virginia ประเทศสหรัฐอเมริกา และมีสำนักงานย่อยที่ กรุงลอนดอน ฮ่องกง และนิวยอร์ก
หากพิจารณาจากจำนวนผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินที่ได้รับ CFA (Chartered Financial Analyst) จะพบว่า ในแต่ละปีจะมีผู้สมัครสอบจากทั่วโลกเป็นจำนวนเกือบแสนคน ขณะที่ประเทศไทยมี CFA ?เพียงแค่ 600 กว่าคนเท่านั้น ทั้งนี้ปัจจุบัน CFA? มีความสำคัญมากในแวดวงไฟแนนซ์ เพราะผู้ที่จะประกอบอาชีพผู้จัดการกองทุน จะต้องผ่านหลักสูตร CFA? ระดับ 3 และนักวิเคราะห์ จะต้องผ่านหลักสูตร CFA? ระดับ 1 ดังนั้น หากประเทศไทยต้องการมีศักยภาพที่จะเติบโตในตลาดการเงินและการลงทุน โดยเฉพาะในเวทีโลก ก็จำเป็นที่จะต้องมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาการเงินให้มากขึ้น
เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ ในนามบริษัท มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด
รายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ: คุณวารุณี คำไชย (แนน) โทร: 0-2643-1191 ต่อ 23 หรือ 08-1496-6762
e-mail : c_mastermind@hotmail.com /w.kham@hotmail.com