บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2565 มียอดขายรวม 48,377 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% ขณะที่กำไรจากการดำเนินงาน 2,498 ล้านบาท ลดลง 7% โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ กลุ่มบริการ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง กลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนใน mai จำนวน 179 บริษัท คิดเป็น 96% จากทั้งหมด 186 บริษัท (ไม่รวมบริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC และบริษัทที่ปิดงบไม่ตรงงวด) นำส่งผลการดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2565 พบว่า บจ. ที่รายงานผลกำไรสุทธิจำนวน 119 บริษัท คิดเป็น 66% ของบริษัทที่นำส่งผลการดำเนินงานทั้งหมด
ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1 ปี 2565 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) มียอดขายรวม 48,377 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.4% ต้นทุนขาย 38,438 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.6% ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 23.8% มาอยู่ที่ 20.5% และส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 2,498 ล้านบาท ลดลง 7.2% อย่างไรก็ตามกำไรสุทธิรวมอยู่ที่2,736 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.0% เนื่องจากมีการบันทึกกำไรจากการขายโรงไฟฟ้าของ บจ. แห่งหนึ่ง มูลค่ารวม 1,423 ล้านบาท ทั้งนี้เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) มียอดขายเพิ่มขึ้น 0.6% มีอัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 21.6% เป็น 20.5% และมีกำไรจากการดำเนินงานลดลง 10.9%
"ในไตรมาสแรกปี 2565 ภาครัฐผ่อนคลายมาตรการมากขึ้น ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้ภาคธุรกิจส่วนใหญ่ สามารถดำเนินธุรกิจได้ใกล้เคียงสถานการณ์ปกติ แต่ภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ต้นทุนของ บจ. เพิ่มมากขึ้น ทำให้ความสามารถในการทำกำไร ของ บจ. ใน mai เริ่มปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตามมี 4 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังคงมีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น ได้แก่ กลุ่มบริการ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง กลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร" นายประพันธ์กล่าว
ในส่วนของฐานะทางการเงิน บจ. mai มีสินทรัพย์รวม 289,803 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.78% จากสิ้นปี 2564 และโครงสร้างเงินทุนรวมแข็งแรงขึ้น โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E ratio) อยู่ที่ 0.94 เท่า ลดลงจากสิ้นปี 2564 ที่เท่ากับ 1.02 เท่า
ปัจจุบันมี บจ. ใน mai 186 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 25 พฤษภาคม 2565) ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 641.64 จุด มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (market capitalization) อยู่ที่ 524,364 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 7,611 ล้านบาทต่อวัน