ผลวิจัยโดย Maybank Investment Banking Group (Maybank IBG) เปิดเผยว่าบริษัทที่มีคะแนน ESG สูงในกลุ่ม 6 ประเทศอาเซียน ได้แก่ มาเลเซีย สิงคโปร์ ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม จะมีผลการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่าดัชนี MSCI All Country ASEAN พร้อมระบุว่าบริษัทในอาเซียนที่แสวงหาความยั่งยืนนั้น จะมีความน่าสนใจในการลงทุนมากกว่า
Maybank Investment Banking Group (Maybank IBG) จัดงานสัมมนาระดับนานาชาติประจำปี Invest ASEAN 2022 ในวันที่ 8-9 มิถุนายน 2565 ครอบคลุม 6 เมืองใหญ่ในอาเซียน (กัวลาลัมเปอร์ สิงคโปร์ กรุงเทพฯ จาการ์ตา มะนิลา และโฮจิมินห์ซิตี้) ในหัวข้อ "ASEAN : Framing A Future" หรือ "อาเซียน วางกรอบแห่งอนาคต"
Dato' Khairussaleh Ramli ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม Maybank Investment Banking Group (Maybank IBG) กล่าวว่า การทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วนเพื่อสร้างสรรค์อาเซียนให้มีความยั่งยืนถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับพวกเรา ทั้งนี้จากการที่อาเซียนเป็นภูมิภาคที่มีประชากรเติบโตเร็วที่สุดในโลก และคาดว่าจะเป็นภูมิภาคที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ4 ภายในปี 2573 อาเซียนจึงเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจและนักลงทุน ซึ่งการเติบโตของเศรษฐกิจอาเซียนในปีนี้คาดว่าจะสูงกว่าประเทศจีนเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปีที่ผ่านมา
นักลงทุนยังคงระมัดระวังในประเด็นผลกระทบจากนโยบายการเงินทั่วโลกที่เข้มงวด การชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีน รวมถึงความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่กำลังดำเนินอยู่ นอกจากนี้ยังมีความกังวลเพิ่มเติมในประเด็นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และความจำเป็นที่จะต้องมีแผนงานที่เป็นรูปธรรม ที่จะเริ่มลดผลกระทบระยะกลางถึงระยะยาวภายในกลุ่มเศรษฐกิจอาเซียน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่เราจะต้องแสวงหาแนวทางที่ยั่งยืนเพื่อส่งเสริมความมั่งคั่งร่วมกันและปลดล็อกในทุกภาคส่วนของประชากรในอาเซียน
เมย์แบงก์ได้ตั้งเป้าที่จะเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสู่ความยั่งยืนของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนหรือการระดมทุน จากความมุ่งมั่นในการระดมเงินทุนจำนวน 38.68 หมื่นล้านบาท เพื่อมุ่งสู่การเป็นแหล่งเงินทุนที่ยั่งยืนทั่วอาเซียนภายในปี 2568 ธนาคารได้บรรลุผลสำเร็จไปแล้วกว่า 10.52 หมื่นล้านบาท ในปีงบประมาณที่สิ้นสุดในปี 2564 นอกจากนี้ เรายังได้จัดสรรเงินทุนจำนวน 8.82 หมื่นล้านบาท เพื่อสนับสนุน SMEs ทั่วอาเซียน ในขณะที่ กว่า 500,000 ครัวเรือนได้รับประโยชน์จากโครงการเพื่อสร้างสรรค์ชุมชนของเราในปี 2564
กล่าวได้ว่า บริษัทในอาเซียนที่ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยแนวทางความยั่งยืน จะมีการลงทุนที่น่าสนใจมากขึ้น โดย Maybank IBG ได้ทำการ backtest ประมาณ 190 บริษัทภายใต้การวิจัยที่ครอบคลุมตลาดอาเซียน และพบว่าบริษัทที่มีการจัดอันดับ ESG สูงกว่า ซึ่งวัดโดย Sustainalytics ได้สร้างผลตอบแทนในระดับสูงเหนือกว่าดัชนี MSCI All Country ASEAN ร้อยละ 8.4 เมื่อเทียบปีต่อปี และ เฉลี่ย 3.9% ต่อปี เป็นเวลา 3 ปี สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565 ตามลำดับ
ทางด้าน Dato' Ami Moris ซีอีโอของ Maybank IBG กล่าวว่า Maybank เรากำลังเป็นผู้นำและเป็นผู้ดำเนินการในการกำหนดกรอบในการสนทนาเกี่ยวกับโอกาสของอาเซียนและ ESG
"ในภูมิภาคนี้มีบริษัทที่กำลังปรับตัวและเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีความหลากหลายและครอบคลุมมากขึ้น หรือพูดง่ายๆ ว่ากำลังลดความเสี่ยงต่อการถูกลูกค้าและนักลงทุนมองข้ามไป ซึ่งการที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และการเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียนมีแนวโน้มว่าจะต้องอาศัยการเพิ่มทุนอย่างมีนัยสำคัญรวมถึงการเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ยาก (hard-to-abate sectors)"
นายอารภัฏ สังขรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า สำหรับ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เราได้เดินหน้าธุรกิจและบริการด้านการลงทุนที่ครบถ้วนและหลากหลาย ด้วยการให้บริการทางการเงินที่มีความจริงใจกับลูกค้า การให้บริการที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ พร้อมกับการตอบแทนคืนสู่สังคม สอดคล้องไปกับทิศทางการดำเนินธุรกิจ Maybank Investment Banking Group (Maybank IBG) ที่จะก้าวเดินต่อไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน เพื่อบรรลุพันธกิจของกลุ่มที่มุ่งเน้นไปสู่ ESG อย่างแท้จริง ด้านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ก็มีนโยบายให้การสนับสนุน แนวคิดทางการเงินที่ยั่งยืน (Sustainable Finance) และพร้อมเป็นกลไกตลาดทุน หนุนให้บริษัทไทยดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ให้เติบโตควบคู่กัน ซึ่ง เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ก็ให้ความสำคัญและให้การตอบรับแนวคิดนี้เสมอมา อาทิ การนำเสนอบทวิเคราะห์และสนับสนุนบริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินธุรกิจตามแนวทาง ESG รวมถึง การจัดกิจกรรม Global CR Day ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ Maybank IBG ริเริ่ม ให้เป็นการจัดกิจกรรมเพื่อตอบแทนสังคมในรูปแบบต่างๆ ที่บริษัทในเครือเมย์แบงก์จัดขึ้นพร้อมๆกัน ต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ในขณะที่ การจัดงาน Invest ASEAN 2022 ถือว่าเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้รับทราบ ถึงทิศทางและเทรนด์การลงทุนในอาเซียน จากผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริง และในปีนี้เราจัดงานใหญ่ขึ้นในหัวข้อ หัวข้อ "ASEAN : Framing A Future" หรือ "อาเซียน วางกรอบแห่งอนาคต" ซึ่งคาดว่าจะมีประโยชน์ กับนักลงทุนเป็นอย่างมาก โดย เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จะสรุปประเด็นสำคัญในงานสัมมนาครั้งนี้มานำเสนอให้กับนักลงทุนในโอกาสต่อไป
เกี่ยวกับ Invest ASEAN
จัดขึ้นเป็นเวลา 2 วันใน 6 เมืองในกลุ่มอาเซียน-6 (กัวลาลัมเปอร์ สิงคโปร์ กรุงเทพฯ จาการ์ตา มะนิลา และโฮจิมินห์ซิตี้)ในวันที่ 8-9 มิถุนายน พ.ศ. 2565 ในหัวข้อ "ASEAN : Framing A Future" โดย Maybank มีการอภิปรายโดยผู้เชี่ยวชาญชั้นนำเกี่ยวกับโอกาสและความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากปัญหาเร่งด่วนที่สุดในปัจจุบันที่ส่งผลกระทบต่อภูมิภาค: แนวโน้มเศรษฐกิจและภูมิศาสตร์การเมืองทั่วโลก ธุรกิจตัวอย่างที่มุ่งเน้น ESG และความหลากหลาย ความเท่าเทียมและการบูรณาการ การซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลของสถาบัน และ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้านการธนาคาร รวมถึงประเด็น Street Beats ในหัวข้อที่น่าสนใจสำหรับแต่ละตลาดในกลุ่มอาเซียน 6 ประเทศ
เกี่ยวกับกลุ่มธนาคารเพื่อการลงทุนเมย์แบงก์ (เมย์แบงก์ ไอบีจี)
Maybank Investment Banking Group (เดิมชื่อ Maybank Kim Eng Group) เป็นธนาคารเพื่อการลงทุนชั้นนำของอาเซียนที่มีความเชี่ยวชาญในด้านวาณิชธนกิจและบริการให้คำปรึกษา นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์รายย่อยและสถาบัน การวิจัย อนุพันธ์และนายหน้าชั้นนำ พร้อมทีมงานในการดำเนินงานและทีมวิจัยที่เต็มรูปแบบในตลาดอาเซียนทั้งหกแห่ง?มาเลเซีย, สิงคโปร์, ไทย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม และยังมีอยู่ในฮ่องกง อินเดีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา บริษัทได้รับรางวัลมากกว่า 1,000 รางวัลนับตั้งแต่ก่อตั้งครอบคลุมธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์สำหรับลูกค้ารายย่อยและสถาบัน งานด้านการวิจัย วาณิชธนกิจ บริการรับฝากทรัพย์สิน ธุรกรรมที่เชื่อมโยงกับความยั่งยืน และการเงินอิสลาม กลุ่มบริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นขุมพลังในการขับเคลื่อยเพื่อความเจริญรุ่งเรืองที่เท่าเทียมกันผ่านบริการ Humanising Financial Services และตั้งเป้าที่จะเป็นธนาคารเพื่อการลงทุนที่ยั่งยืนอันดับหนึ่งในอาเซียน