MTC ปลื้มกระแสตอบรับดีจากนักลงทุน ประกาศความสำเร็จขายหุ้นกู้มูลค่า 4,000 ล้านบาทหมดเกลี้ยง! สะท้อนความเชื่อมั่นนักลงทุนที่มีต่อปัจจัยพื้นฐานธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง-ความสามารถทำกำไรต่อเนื่อง ตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ พร้อมลุยปล่อยกู้เต็มสูบ ดันพอร์ตสินเชื่อปี 65 ทะลุ 1 แสนล้านบาท ตามนัด สร้างผลงานทุบสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
นายปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (MTC) เปิดเผยว่า บริษัทต้องขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่มั่นใจในการดำเนินธุรกิจของบริษัท และจองซื้อหุ้นกู้เข้ามาเป็นจำนวนมาก ทำให้สามารถจำหน่ายได้หมดทั้ง 4,000 ล้านบาทตามที่บริษัทฯตั้งเป้าไว้ และยังมีนักลงทุนอยู่จำนวนหนึ่งที่ยังต้องการลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทส่งผลให้บริษัทต้องนำหุ้นกู้สำรองเพื่อการเสนอขายเพิ่มเติมหรือ greenshoe option มาใช้ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อ MTC ในฐานะผู้นำในธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ เนื่องจากธุรกิจของบริษัทฯ มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้อยู่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 แต่ฐานเงินทุนของบริษัทที่แข็งแรง รวมทั้งยังสะท้อนถึงความสามารถในการทำกำไรที่ดี และคุณภาพสินทรัพย์ที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพ ตลอดจนแหล่งเงินทุนที่หลากหลายและสถานะ สภาพคล่องที่เพียงพอของบริษัท โดยหุ้นกู้ทั้ง 3 รุ่น ที่เปิดขายให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป ประกอบด้วย หุ้นกู้อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.45% ต่อปี หุ้นกู้ 4 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.75% ต่อปี และหุ้นกู้อายุ 4 ปี 11 เดือน 30 วัน อัตราดอกเบี้ย 3.90% ต่อปี กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน เสนอขายระหว่างวันที่ 2 มิถุนายน และวันที่ 6-7 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา อันดับความน่าเชื่อถือหุ้นกู้อยู่ที่ระดับ "BBB+" แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" จากทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2565 ซึ่งเป็นระดับลงทุนได้หรือ Investment Grade
สำหรับแผนธุรกิจในปี 2565 บริษัทจะเร่งทำการตลาดเพิ่มอีก 2 ธุรกิจ คือ บริษัทเมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด ที่ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ ซึ่งมีแนวโน้มยอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น โดยคาดหวังว่าในปี 2565 จะมียอดสินเชื่อคงค้างประมาณ 10,000 ล้านบาท และ บริษัท เมืองไทย เพย์ เลเทอร์ จำกัด ที่ให้บริการซื้อก่อน ผ่อนทีหลัง กับกลุ่มลูกค้าเดิม และหาลูกค้าใหม่มาเพิ่มเติม โดยการเสนอสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ เครื่องใช้และของใช้ในบ้าน ตามนโยบาย ซื้อก่อน ผ่อนทีหลัง ซึ่งทั้ง 2 บริษัท ถือหุ้นโดย MTC เกือบ 100%
"บริษัทฯ ตั้งเป้าพอร์ตลูกหนี้สินเชื่อในปี 2565 ที่ 100,000 ล้านบาท จาก 3 ธุรกิจหลักคือ เมืองไทย แคปปิตอล และธุรกิจที่ตั้งขึ้นใหม่คือ เมืองไทย ลิสซิ่ง และ เมืองไทย เพย์ เลเทอร์ เป็นธุรกิจที่จะเข้ามาสนับสนุนการทำธุรกิจในอนาคต โดยมีการวางแผนการทำตลาดทั้งลูกค้าเดิมที่มีประวัติการชำระหนี้ดีและการเข้าหาลูกค้าใหม่ที่มีความต้องการใช้บริการผ่านการดำเนินงานของสาขาที่มีบริการมากกว่า 6,161 สาขา กระจายอยู่ทั่วประเทศ รวมถึงการเปิดสาขาใหม่กว่า 700 สาขาต่อปี ผลักดันผลงานสร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง"
MTC เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อแก่ลูกค้ารายย่อย ธุรกิจของบริษัทแบ่งเป็น 5 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจให้บริการสินเชื่อทะเบียนรถ ธุรกิจให้บริการสินเชื่อที่มีโฉนดที่ดินเป็นหลักประกัน ธุรกิจให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลและนาโนไฟแนนซ์ ธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ และธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัย โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565 บริษัทมีสาขารวมทั้งสิ้น 6,161 สาขา เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2564 จำนวน 362 สาขา โดยบริษัทมีแผนขยายสาขาเพิ่มอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เข้าถึงลูกค้าในพื้นที่ชุมชนมากขึ้นและมีเป้าหมายจะขยายสาขาให้ถึง 6,500 สาขาภายในปี 2565 และ 7,200 สาขาในปี 2566 กระจายอยู่ใน 74 จังหวัดทั่วประเทศ
กลุ่มผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนให้การตอบรับหุ้นกู้ของ MTC เป็นอย่างดีนั้น มาจากชื่อเสียงของบริษัท ที่มีประวัติการชำระหนี้ที่ดี ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี แม้จะมีความไม่แน่นอนจากสถานการณ์โควิด-19 นอกจากนี้ บริษัทและหุ้นกู้ยังได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากทริสเรทติ้งที่ระดับ BBB+ แนวโน้ม "คงที่" ซึ่งเป็นระดับ investment grade สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการตัดสินใจของนักลงทุนในการลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัท ในครั้งนี้