ฟิทช์ เรทติ้งส์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมธุรกิจหลักทรัพย์ในประเทศไทยยังคงเผชิญกับความท้าทายเชิงโครงสร้างด้านความสามารถในการทำกำไรในระยะยาวจากแรงกดดันต่ออัตราค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ การแข่งขันที่รุนแรง รวมทั้งค่าใช้จ่ายการลงทุนที่เกี่ยวข้องในการนำเทคโนโลยีมาใช้ในธุรกิจ (digitalization) นอกจากนี้ยังมีปัจจัยลบจากการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงซึ่งจะไม่ส่งผลดีนักต่อสภาพคล่องในตลาด
ฟิทช์คาดว่าความสามารถในการทำกำไรของบริษัทหลักทรัพย์ไทยโดยรวมน่าจะปรับตัวลดลงจากอัตรากำไรที่ค่อนข้างสูงมากเมื่อปี 2564 เนื่องจากปริมาณการซื้อขายไม่น่าจะทรงตัวได้ในระดับสูงต่อเนื่อง ทั้งนี้ที่ผ่านมาในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 กำไรสุทธิของอุตสาหกรรมปรับตัวลดลง 22.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอัตราส่วนกำไรสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นปรับตัวลดลงเป็น 13.3% เทียบกับ 14.4% ในปี 2564 อย่างไรก็ตามฟิทช์คาดว่าบริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตโดยฟิทช์ น่าจะสามารถรักษาความแข็งแกร่งทางการเงินและโครงสร้างอันดับเครดิตของตนเองต่อไปได้และมุมมองต่อแนวโน้มภาวะอุตหสาหกรรมยังคงอยู่ในระดับที่ 'มีเสถียรภาพ'
สำหรับรายงานฉบับสมบูรณ์ เรื่อง "Thai Securities Dashboard: June 2022" สามารถดูได้จาก www.fitchratings.com