SCB CIO แนะช่องทางเปลี่ยนสินทรัพย์ทางการเงินและอสังหาริมทรัพย์เป็นกระแสเงินสด ผ่าน Wealth Lending Products ในผลิตภัณฑ์ Property Backed Loan หรือ Lombard Loan ด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ เพื่อนำเงินมาลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีสู้กับเงินเฟ้อ ภายใต้การดูแลของทีมที่ปรึกษาการลงทุนของธนาคาร เพื่อคัดสรรผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์นักลงทุนบนความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนที่มีความมั่งคั่งระดับสูง โดยมียอดเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 20% จากปีที่ผ่านมา และตั้งเป้าหมายเติบโตในปีนี้ขั้นต่ำไว้ที่ 10,000 ล้านบาท
นายศรชัย สุเนต์ตา ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารฝ่าย SCB Chief Investment office (SCB CIO ) ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ช่องทางการบริหารเงินสามารถดำเนินการผ่านสินทรัพย์ต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย และมีสภาพคล่องที่แตกต่างกันไป ตามภาวะเศรษฐกิจในแต่ละช่วงเวลา นักลงทุนที่ถือครองสินทรัพย์ทางการเงินและอสังหาริมทรัพย์ ในปัจจุบันส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบทางลบจากปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด เงินเฟ้อที่คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้น และภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เริ่มเรียกเก็บเต็มจำนวนในปีนี้ ส่วนปัจจัยต่างประเทศจากความเสี่ยงที่ส่งผลกระทบเชิงภูมิศาสตร์ ( geopolitical risks ) และความผันผวนของตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงห้าเดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้นักลงทุนที่มีความมั่งคั่งระดับสูง ( High net worth ) มองหาสภาพคล่องในสินทรัพย์ที่ถือครองเพื่อนำเงินไปลงทุนสร้างรายได้ และกระจายความเสี่ยง โดยมีวัตถุประสงค์ที่ไม่ต้องการขายสินทรัพย์ที่ถืออยู่ เพราะอาจทำให้เสียโอกาสหากมูลค่าสินทรัพย์ที่ถือครองมีการปรับตัวขึ้นในอนาคต
สินทรัพย์ของนักลงทุนที่มีความมั่งคั่งระดับสูงถือครอง ได้แก่ สินทรัพย์ประเภทที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ และหุ้นกู้ เป็นต้น ซึ่งสินทรัพย์ดังกล่าวสามารถนำมาจำนองกับธนาคาร โดยอยู่ภายใต้ผลิตภัณฑ์สินเชื่อประเภท Wealth Lending Products ประกอบด้วย Property Backed Loan โดยการนำสินทรัพย์ประเภทที่ดิน หรืออสังหาริมทรัพย์มาจำนองกับธนาคาร และ Lombard Loan เป็นการนำหลักทรัพย์ ประเภท หุ้นกู้ มาจำนองกับธนาคาร โดยธนาคารจะปล่อยสินเชื่อเงินกู้ให้กับนักลงทุน ในอัตราดอกเบี้ยที่น่าสนใจ ระหว่าง 2.5 - 4% ต่อปี ขึ้นกับระยะเวลาชำระคืนเงินต้น โดยเงินกู้ที่นักลงทุนได้รับจะนำมาลงทุนในผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลาย ทั้งผลิตภัณฑ์ของธนาคารและบริษัทในเครือ เช่น SCB Securities , SCB Asset Management และ SCB Julius Bar โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนของธนาคารเป็นที่ปรึกษาและแนะนำการลงทุน (Investment Advisor) ผ่าน Investment Portfolio โดยวางเป้าหมายผลตอบแทนให้เหมาะสมกับนักลงทุนแต่ละราย บนพื้นฐานความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (Risk appetite) เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้งอกเงย ดีกว่าปล่อยที่ดินรกร้างหรือ ถือหลักทรัพย์ที่มูลค่าลดลงตามภาวะตลาด ทั้งนี้ แม้นักลงทุนจะต้องเสียดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมต่างๆก็ตาม แต่ยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุน สามารถต่อยอดความมั่งคั่งให้กับพอร์ตการลงทุนได้อีกด้วย จึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยให้นักลงทุนมีเงินหมุนเวียนในการลงทุน ทั้งนี้ สินเชื่อ Wealth Lending Product เป็นเครื่องมือที่ช่วยแก้ปัญหาในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้
นายศรชัย กล่าวต่อไปว่า สินเชื่อ Wealth Lending Product ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนที่มีความมั่งคั่งระดับสูงอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้มียอดการขอสินเชื่อเพื่อสร้างกระแสเงินสดเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 20% โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตสำหรับปีนี้ไว้ขั้นต่ำที่ 10,000 ล้านบาท และผลตอบแทนคาดการณ์สำหรับความเสี่ยงระดับกลางของพอร์ตการลงทุน มีโอกาสอยู่ที่ประมาณ 7 - 8 % ต่อปี นอกจากนี้ ทีมที่ปรึกษาการลงทุนสามารถนำเสนอการลงทุนในหลากหลายรูปแบบให้เหมาะสมกับความต้องการของนักลงทุนที่มาใช้สินเชื่อ wealth lending