โมเดอร์น่าได้ประกาศผลการศึกษาด้านประสิทธิภาพในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันและความปลอดภัยของวัคซีนเข็มกระตุ้นสูตรผสมรุ่นใหม่ mRNA-1273.214 ขนาด 50 ไมโครกรัม ซึ่งเป็นสูตรผสมที่มี mRNA ของโปรตีนหนามสายพันธุ์ดั้งเดิม และ mRNA ของโปรตีนหนามสายพันธุ์โอไมครอน ในปริมาณที่เท่ากันอย่างละครึ่ง โดยทำการเปรียบเทียบกับวัคซีนสูตร mRNA-1273 ขนาด 50 ไมโครกรัม ซึ่งเป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นรุ่นที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
จากการวิจัยทางคลินิกระยะที่ 2/3 พบว่าวัคซีนเข็มกระตุ้นสูตรผสมรุ่นใหม่ mRNA-1273.214 นั้น มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดีกว่าวัคซีนเข็มกระตุ้นสูตรปัจจุบัน และผ่านเกณฑ์การประเมินทั้งหมดที่บริษัทตั้งไว้ก่อนทำการศึกษา โดยในส่วนของระดับภูมิคุ้มกันในการยับยั้งเชื้อโอไมครอน (เมื่อวัดหลังฉีดไปแล้ว 1 เดือน) พบว่าวัคซีนกระตุ้นสูตรผสม mRNA-1273.214 จะสามารถกระตุ้นระดับภูมิคุ้มกันได้สูงกว่าวัคซีนสูตรปัจจุบัน 1.75 เท่า และในกลุ่มของอาสาสมัครที่ไม่เคยมีประวัติการติดเชื้อโควิด-19 มาก่อน การได้รับวัคซีนสูตรผสม mRNA-1273.214 นี้จะสามารถกระตุ้นระดับภูมิคุ้มกันยับยั้งเชื้อโอไมครอนสูงกว่าก่อนการได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นถึง 8 เท่า อนึ่งอาสาสมัครในงานวิจัยนี้ทั้งหมดเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนโมเดอร์น่ารุ่นปัจจุบัน ขนาด 100 ไมโครกรัม เป็นวัคซีนเข็มหลักจำนวนสองเข็มและ ขนาด 50 ไมโครกรัม เป็นวัคซีนกระตุ้น เข็มที่ 3 ผ่านมาแล้ว 4-5 เดือนก่อนที่จะได้รับวัคซีนกระตุ้น เข็มที่ 4 จากการวิจัยครั้งนี้ นอกจากนี้แล้วในแง่ของประสิทธิภาพในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันที่ใช้จับกับโปรตีนหนามของเชื้อโควิดสายพันธุ์น่ากังวลชนิดต่างๆ ของวัคซีนเข็มกระตุ้นสูตรผสมรุ่นใหม่นี้พบว่าสูงกว่าวัคซีนรุ่นแรก ในขณะที่ความสามารถในการกระตุ้นภูมิยับยั้งเชื้อสายพันธุ์ดั้งเดิมของวัคซีนกระตุ้นสูตรผสมรุ่นใหม่ นี้ก็ไม่ได้ด้อยลงเช่นกัน ในด้านความปลอดภัยและอาการข้างเคียงของวัคซีนเข็มกระตุ้นทั้งสองสูตรที่ทำการศึกษานั้น พบว่ามีความใกล้เคียงกัน
สำหรับในประเทศสหรัฐอเมริกาเอง ทางโมเดอร์น่า จะทำการยื่นขอขึ้นทะเบียนวัคซีนสูตรผสม mRNA-1273.214 ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ ในการใช้เป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นสำหรับฤดูใบไม้ร่วงที่กำลังจะมาถึง
Stephane Bancel ซึ่งดำรงตำแหน่ง Chief Executive Officer ของโมเดอร์น่า ได้กล่าวว่า "เรามีความตื่นเต้นอย่างมากที่ได้ประกาศผลการศึกษาของวัคซีนเข็มกระตุ้นสูตรผสม mRNA-1273.214 ซึ่งเป็นหลักฐานชิ้นที่สองที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่เหนือกว่าของวัคซีนสูตรผสมนี้ในการยับยั้งเชื้อโควิดสายพันธุ์ที่น่ากังวล และเมื่อพิจารณาข้อมูลเหล่านี้ควบคู่ไปกับความทนทานของระดับภูมิคุ้มกันที่พบในการทดสอบวัคซีนสูตรผสมตัวแรก (mRNA-1273.211) ที่ทางโมเดอร์น่า พัฒนาขึ้นมาก่อนหน้านี้ เราเลยคาดการณ์ว่าวัคซีนกระตุ้นสูตรผสม mRNA-1273.214 นี้จะมีความคงทนของประสิทธิภาพในการรับมือกับเชื้อโควิดสายพันธุ์น่ากังวลต่างๆ ในระดับที่ดีกว่า ทางโมเดอร์น่าจึงตัดสินใจเลือกวัคซีนสูตรผสม mRNA-1273.214 ในการใช้เป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นสำหรับฤดูใบไม้ร่วงของปีนี้ และเรากำลังอยู่ในระหว่างการส่งข้อมูลไปยังหน่วยงานกำกับดูแลสำหรับการขอขึ้นทะเบียนด้วยความหวังว่าวัคซีนเข็มกระตุ้นสูตรผสม mRNA-1273.214 จะได้มีพร้อมใช้งานในช่วงปลายฤดูร้อนก่อนเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ร่วง จากข้อมูลต่างๆ แสดงให้เห็นว่า mRNA platform มีประสิทธิภาพและความสามารถในการใช้เพื่อพัฒนาวัคซีนที่ตอบสนองภัยคุกคามด้านสาธารณสุขทั่วโลกได้อย่างทันท่วงที"