"เอสจี แคปปิตอล" หรือ "SGC" ประกาศยื่นไฟลิ่ง เสนอขาย IPO 820 ล้านหุ้น คิดเป็น 25.08% เงินระดมทุนใช้รองรับแผนขยายพอร์ตสินเชื่อ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน รวมทั้ง ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืม ปลดล็อกต้นทุนการเงิน หนุนความสามารถการทำกำไร ย้ำการก้าวสู่ผู้นำตลาดสินเชื่อและสินเชื่อเช่าซื้อสินค้า ที่ครองใจผู้บริโภคทั่วทุกภูมิภาคในประเทศไทย โดยมี บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส และ บล. เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินร่วม
นางสาวบุษบา กุลศิริธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC ผู้ให้บริการธุรกิจสินเชื่อชั้นนำ เปิดเผยว่า SGC พร้อมเดินหน้าเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ในครั้งนี้ เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนและนักลงทุนได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการต่อยอดความสำเร็จของ SGC ในฐานะหนึ่งในผู้นำตลาดสินเชื่อและสินเชื่อเช่าซื้อสินค้าที่ครองใจผู้บริโภคทั่วทุกภูมิภาคในประเทศไทย ที่มีศักยภาพและความพร้อมสูงในการสร้างความเติบโต วางกลยุทธ์การขยายไลน์ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค พร้อมด้วยการขยายเครือข่ายผ่านช่องทางที่หลากหลาย ควบคู่ไปกับการนำเทคโนโลยีมาใช้เสริมทัพการทำงาน ทำให้ SGC มีพอร์ตสินเชื่อที่เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญต่อเนื่อง 3 ปีที่ผ่านมา
ขณะที่เงินระดมทุนจะสนับสนุนแผนการขยายธุรกิจด้วยต้นทุนดอกเบี้ยในระดับต่ำ มุ่งเน้นการควบคุมหนี้ด้อยคุณภาพ (NPL) อย่างมีคุณภาพ สนับสนุนความสามารถการทำกำไรของ SGC สร้างโอกาสการเติบโตไปพร้อมกับการครองใจลูกค้าทั่วประเทศ
ทั้งนี้ SGC คือผู้ให้บริการธุรกิจสินเชื่อชั้นนำในกลุ่ม SINGER ประกอบด้วย (1) สินเชื่อเช่าซื้ออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องใช้ในครัวเรือน (Home Appliances) เครื่องใช้ไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ (Commercial Appliances) และ เครื่องจักร (Captive Finance) (2) สินเชื่อประเภทให้เช่าซื้อรถยนต์แบบโอนกรรมสิทธิ์เล่มทะเบียน และสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน (รถบรรทุก รถยนต์นั่ง ส่วนบุคคล รถยนต์เพื่อการพาณิชย์) ภายใต้แบรนด์ "รถทำเงิน" (3) สินเชื่อสวัสดิการพนักงาน (Debt Consolidation) และ (4) สินเชื่อผ่อนทอง (Click2Gold)
ตลอดจนมีเครือข่ายการขายครอบคลุมทุกภูมิภาคในประเทศไทย ณ มีนาคม 2565 SGC มีพนักงานขายที่เป็นมืออาชีพของบริษัทฯ 251 ราย เครือข่ายดีลเลอร์ (Dealer) ตัวแทน (Agent) จำนวน 1,556 ราย และผ่านเครือข่ายสาขาของบริษัทในเครือที่มีอยู่กว่า 4,798 สาขา
ด้าน นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 820,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (Par) 1 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 25.08% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในหมวดเงินทุนและหลักทรัพย์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต. โดยมี บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินร่วม
SGC มีผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) สัดส่วนการถือหุ้นก่อน IPO 100% และโดยภายหลัง IPO จะมีสัดส่วนการถือหุ้น 74.92% ซึ่งวัตถุประสงค์ของการระดมทุนครั้งนี้ SGC จะนำเงินที่ได้ไปใช้ขยายธุรกิจการให้บริการสินเชื่อ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ รวมทั้ง ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมจากผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯ เพื่อสนับสนุนกลยุทธ์การเติบโต และข้อจำกัดด้านต้นทุนทางการเงินที่คาดว่าจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ด้านผลการดำเนินงานของ SGC มีความแข็งแกร่ง แสดงให้เห็นถึงการเติบโตและความสามารถในการทำกำไรอย่างต่อเนื่อง โดยภาพรวมรายได้ของบริษัทฯ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562 - 2564) มีรายได้รวมอยู่ที่ 891.52 ล้านบาท 1,362.96 ล้านบาท และ 1,781.82 ล้านบาท ตามลำดับ กำไรสุทธิอยู่ที่ 119.36 ล้านบาท 416.58 ล้านบาท และ 593.03 ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับงวดไตรมาส 1/2565 มีรายได้รวม 494.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 101.43 ล้านบาท หรือ 25.79% จากไตรมาส 1/2564 มีรายได้รวม 393.37 ล้านบาท กำไรสุทธิ 155.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.22 ล้านบาท หรือ 31.46% จากไตรมาส 1/2564 มีกำไรสุทธิ 118.32 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิสูงขึ้นแตะระดับ 31.46% จากการเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยรับ และความสำเร็จในการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อ รวมทั้ง พอร์ตสินเชื่อรถทำเงินที่เริ่มจัดตั้งขึ้นในปี 2560 ที่ผ่านมา โดยมีสัดส่วนรายได้หลักมาจากรายได้ดอกเบี้ย ณ สิ้น ไตรมาส 1/2564 อยู่ที่ 97.42% ประกอบด้วย รายได้ดอกเบี้ยจากสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องจักร สัดส่วน 51.99% รายได้ดอกเบี้ยจากสินเชื่อรถทำเงิน 45.26% ส่วนที่เหลือเป็นรายได้ดอกเบี้ยจากสินเชื่อสวัสดิการพนักงาน และสินเชื่อผ่อนทองออนไลน์ นอกจากนี้ เป็นรายได้อื่นๆ
โดยงวดไตรมาส 1 ปีนี้ SGC มีจำนวนสัญญาของสินเชื่อทุกประเภทรวมกันเป็นจำนวนกว่า 294,775 สัญญา คิดเป็นจำนวนลูกค้ากว่า 255,655 ราย และมีพอร์ตสินเชื่อรวมกว่า 12,350 ล้านบาท