กว่าชีวิตหนึ่งจะเติบโตขึ้นมาเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์"ครอบครัว" คือด่านแรกที่สำคัญที่สุดในการชี้ชะตาอนาคต
สาเหตุการตายอันดับ 1 ของเด็กวัยรุ่นไทย เกิดจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ทั้งๆ ที่กฎหมายไม่อนุญาตให้เด็กอายุต่ำกว่า15 ปีขี่รถจักรยานยนต์ แต่ก็ยังคงพบ "นักบิดรุ่นวัยกระเตาะ" ใช้รถใช้ถนนกันอย่างน่าเป็นห่วง
รองศาสตราจารย์ นายแพทย์อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัวและหัวหน้าศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก (CSIP) ภาควิชากุมารเวชศาสตร์คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล คว้าทุนอุดหนุนโครงการขับเคลื่อนนโยบายชี้นำสังคม ประจำปีงบประมาณ 2564 จากมหาวิทยาลัยมหิดล
จากผลงาน "โครงการขยายผลงานพิเคราะห์เหตุการตายในเด็กจากสิ่งที่ค้นพบสู่นโยบายและการปฏิบัติจริง"
ซึ่งหนึ่งในโครงการย่อยภายใต้โปรเจคดังกล่าว คือ"โครงการ 15 ปีไม่ขี่" ซึ่งได้มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนสังคม สู่การแก้ปัญหาการตายในเด็กจากการขี่รถจักรยานยนต์ก่อนวัยอันควร
โดยพบว่าอัตราการตายเพิ่มขึ้นตามความเจริญทางเศรษฐกิจ ซึ่งผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ยังคงไม่แสดงความรับผิดชอบต่อการโฆษณาเพื่อกระตุ้นการขาย ซึ่งมุ่งเป้าหมายไปที่เยาวชน โดยไม่ได้มีการประกาศเตือนถึงอายุที่เหมาะสมของผู้ใช้แต่อย่างใด
สิ่งที่ค้นพบสู่นโยบาย คือ การชี้ให้เห็นว่าการเรียนรู้เท่าทันด้านสุขภาพ และความปลอดภัย (Health and Safety Literacy) ด้วยตัวเด็กเอง โดยมีครอบครัวและผู้ใหญ่ที่มีความเข้าใจตรงกันสนับสนุน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยก่อนเข้าสู่วัยรุ่น และในวัยรุ่นระยะต้น จะเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความตระหนักรู้ถึงอันตรายของการขี่รถจักรยานยนต์ก่อนวัยอันควรแบบมีส่วนร่วม นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทัศนคติและพฤติกรรมความปลอดภัยอย่างยั่งยืน
ครอบครัว โรงเรียน ชุมชนจึงมีบทบาทอย่างมากในการสร้างรูปแบบการเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วมนี้แก่เด็ก
ส่วนการปฏิบัติจริงเกิดจากการรณรงค์ และขับเคลื่อนผ่าน"เครือข่ายการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว"
ซึ่งได้จัดตั้งขึ้นโดยรวบรวมผู้มีส่วนร่วม ซึ่งได้แก่ คณะทำงานเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว และสถาบันการศึกษาต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการฯ มาบอกเล่าประสบการณ์ และร่วมแสดงความคิดเห็นในเชิงสร้างสรรค์ เพื่อถ่ายทอดสู่สังคมต่อไป
"เป้าหมายของการรวบรวมฐานสมาชิก "เครือข่ายการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว" อยู่ที่ 2 แสนคน ภายใน 2 ปี จากการลงพื้นที่ศึกษาวิจัย และจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อชุมชน ซึ่ง สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล มุ่งหวังให้เป็นพลังขับเคลื่อนสู่สังคมที่สร้างสรรค์"
"โลกอนาคตที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วขึ้น จะส่งผลกระทบต่อเด็กและครอบครัวที่รุนแรงขึ้นตามกัน เชื่อว่าด้วยพลังเครือข่ายฯ สังคมที่มีการเรียนรู้ร่วมกัน และรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงนี้ จะเป็นแรงผลักดันสู่อนาคตที่ยั่งยืนของประเทศชาติต่อไป" รองศาสตราจารย์ นายแพทย์อดิศักดิ์ผลิตผลการพิมพ์ กล่าวทิ้งท้าย
ติดตามข่าวสารที่น่าสนใจจากมหาวิทยาลัยมหิดลได้ที่www.mahidol.ac.th
สัมภาษณ์ และเขียนข่าวโดย ฐิติรัตน์ เดชพรหม นักประชาสัมพันธ์ (ชำนาญการ)
ออกแบบแบนเนอร์โดย วิไล กสิโสภา นักวิชาการสารสนเทศ
งานสื่อสารองค์กร กองบริหารงานทั่วไป สำนักงานอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล โทร. 0-2849-6210