บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบของอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวและอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของบริษัท เอฟเอ็นเอส โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ FNS ที่ 'BBB-(tha)' และ 'F3(tha)' ตามลำดับ การประกาศคงเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบเนื่องจากความไม่แน่นอนในด้านแผนธุรกิจในอนาคตและฐานะทางการเงินของ FNS
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
เครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบสะท้อนถึงความไม่แน่นอนในทิศทางการดำเนินธุรกิจและการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญของโครงสร้างทางการเงินหลังจากการจำหน่ายหุ้นในธุรกิจหลักทรัพย์สองแห่ง ได้แก่หุ้น 29.3% ในบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ FSS (อันดับเครดิตภายในประเทศ BBB+(tha)/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) และหุ้นทั้งหมด 100% ในบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด หรือ FSL ทั้งนี้ธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงินและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับหลักทรัพย์เคยเป็นธุรกิจหลักของ FNS มาอย่างยาวนานและการขายธุรกิจเหล่านี้ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างธุรกิจของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ FNS จะเน้นการลงทุนในด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และต่อจากนี้การประเมินอันดับเครดิตของ FNS จะเป็นการพิจารณาด้วยหลักเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตบริษัท (Corporate Criteria)
ฟิทช์คาดว่าจะยกเลิกเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบได้ หลังจากที่ฟิทช์มองว่าได้รับข้อมูลเพียงพอสำหรับการประเมินทิศทางของกลยุทธ์ของ FNS รวมทั้งโครงสร้างทางการเงินและแผนงานในด้านการสร้างรายได้ประจำจากการดำเนินงานในระยะปานกลาง ซึ่งเราคาดว่าน่าจะแล้วเสร็จภายในเวลา 6 เดือน
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้กิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
ฟิทช์อาจปรับลดอันดับเครดิตของ FNS หากผลการดำเนินงานและกระแสเงินสดของบริษัทอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับระดับหนี้สินหลังจากการประเมินผลกระทบจากการลดลงของระดับหนี้สินและแผนการลงทุนใหม่แล้ว การเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญในด้านของโครงสร้างธุรกิจของบริษัทซึ่งอาจบ่งชี้ว่าเครือข่ายในการดำเนินธุรกิจ (franchise) จะมีการปรับตัวอ่อนแอลงอย่างมาก และ/หรือการมีระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (risk appetite) ที่เพิ่มขึ้นซึ่งจะส่งผลให้มีการทบทวนโครงสร้างเครดิตของบริษัท
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้กิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับเครดิตของบริษัทไม่น่ามีโอกาสได้รับการปรับเพิ่มอันดับ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินธุรกิจ (Business model) และการลดลงของรายได้ประจำอันเกิดจากการขายเงินลงทุนใน FSS ในระยะกลางถึงระยะยาวอันดับเครดิตของ FNS อาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับ หากการลงทุนในธุรกิจใหม่สามารถสร้างรายได้ประจำเป็นจำนวนมากได้ซึ่งจะนำไปสู่การปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของความสามารถในการทำกำไรและความสามารถในการชำระคืนเงินกู้ ประกอบกับรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งขึ้นน่าจะส่งผลเชิงบวกต่อโครงสร้างเครดิตของบริษัท