แสนสิริ ประกาศพันธกิจ 'Sansiri Tree Story' ปลูกต้นไม้เพื่อกรุงเทพ เชื่อมั่นปีนี้ปลูกได้เกินเป้าจาก 20,000 ต้น สู่ตัวเลขต้นไม้ 90,000 ต้นในทุกโครงการใหม่ เน้นย้ำการปลูกและรักษาต้นไม้เป็น DNA แสนสิริ ชี้ปลูกแล้วกว่า 200,000 ต้นใน 10 ปี
พร้อมพบกับนิทรรศการสร้างแรงบันดาลใจปลูกต้นไม้ 'Sansiri Tree Story' ครั้งแรกในไทย! เชิญชวนแชร์ภาพความสุขท่ามกลางธรรมชาติสีเขียวในโครงการแสนสิริ ลุ้นรับรางวัลรวมมูลค่า 250,000 บาท กับ Sansiri Tree Story Photo Contest
- แสนสิริประกาศพันธกิจปลูกต้นไม้เพื่อกรุงเทพฯ สอดรับนโยบายผู้ว่าฯ ชัชชาติ 'ปลูกต้นไม้ล้านต้น สร้างพื้นที่สีเขียวและกำแพงกรองฝุ่นทั่วกรุง'
- ชี้พันธกิจปลูกต้นไม้วางเป้าไว้ที่ 20,000 ต้น แต่ปี 2565 ทำได้เกินเป้าหมายด้วยการปลูกต้นไม้ 90,000 ต้น โดยเป็นต้นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่กว่า 8,000 ต้นที่ช่วยดูดซับคาร์บอนได้ถึง 76 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี จากการปลูกในโครงการใหม่ 46 โครงการ รวมถึงการรวมพลังลูกบ้านและพนักงานแสนสิริปลูกต้นไม้ร่วมกันกับ Sansiri Tree Day หวังร่วมปลูกความยั่งยืน ให้ความสุขยืนต้นไปแสนนาน
- ระบุ "กรุงเทพกรีฑา คอมมูนิตี้" เป็นโซนที่ปลูกต้นไม้มากที่สุดด้วยจำนวนต้นไม้ถึง 16,500 ต้น ขณะที่ "บุราสิริ กรุงเทพกรีฑา" ครองแชมป์โครงการแนวราบและ "เอ็กซ์ที พญาไท" คว้าแชมป์โครงการแนวสูงปลูกต้นไม้สูงสุด
- พร้อมเผย 'Sansiri Tree Story' การเก็บ-เลือก-ปลูก-รักษาต้นไม้ เป็นดีเอ็นเอแสนสิริ...10 ปี ปลูกต้นไม้แล้วกว่า 200,000 ต้น เป็นต้นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ถึง 12,000 ต้น ช่วยกรุงเทพฯ ดูดซับคาร์บอนได้ถึง 114 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
- เตรียมพบ ครั้งแรกในไทย! กับนิทรรศการสร้างแรงบันดาลใจปลูกต้นไม้ ในรูปแบบ Online Exhibition และ On-ground Exhibition ที่โครงการของแสนสิริ ที่มาจากการแบ่งปันภาพความสุขในธรรมชาติสีเขียวของโครงการแสนสิริ ชิงรางวัลรวมมูลค่า 250,000 บาท กับ Sansiri Tree Story Photo Contest
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "แสนสิริตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมและสภาวะโลกร้อนที่ส่งผลกระทบต่อชีวิต สุขภาพ และสภาวะอากาศแปรปรวนของประเทศไทยและโลกของเรา จึงได้เดินหน้ามุ่งมั่นสร้างจุดเปลี่ยนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนด้วยการเป็นอสังหาริมทรัพย์แรกในประเทศไทยที่วางเป้าหมายในการเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net-zero) เพื่อสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งนี้ ปัญหาโลกร้อนและฝุ่นละอองจากการมีต้นไม้และพื้นที่สีเขียวไม่เพียงพอในกรุงเทพฯ รวมถึงปัญหาฝุ่น PM 2.5 นับเป็นปัญหาวิกฤติที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพและการใช้ชีวิตประจำวันของคนกรุงเทพฯ เฉพาะปี 2564 ที่ผ่านมาคนกรุงเทพฯ ต้องสูดฝุ่นควันเท่ากับการสูบบุหรี่ถึง 1,261 มวนต่อปี จึงเป็นที่มาที่แสนสิริขานรับนโยบาย "ปลูกต้นไม้ล้านต้น" เพื่อสร้างพื้นที่สีเขียวและเป็นกำแพงกรองฝุ่นของผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพ คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ด้วยการวางเป้าพันธกิจปลูกต้นไม้ 20,000 ต้นในกรุงเทพฯ ให้ได้โดยเร็วที่สุด"
การปลูกและเก็บรักษาต้นไม้เพื่อสร้างพื้นที่สีเขียวในโครงการให้มากที่สุดเป็นปณิธานในการดำเนินธุรกิจของแสนสิริมาตลอดกว่า 38 ปีนับตั้งแต่การก่อตั้งองค์กร เริ่มต้นจาก 'Sansiri Tree Story' โมเดลจัดการพื้นที่สีเขียวและต้นไม้ในโครงการอย่างยั่งยืน ภายใต้จุดยืนในการเก็บ - เลือก - ปลูก - รักษาต้นไม้ใหญ่คู่โครงการ โดยมีพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ที่บริหารจัดการโครงการช่วยดูแลรักษาต้นไม้ในโครงการให้เติบโตอย่างยั่งยืนโดยได้รับการฝึกอบรมจากรุกขกรมืออาชีพ เพื่อส่งต่อคุณค่าของต้นไม้ให้อยู่ลูกบ้านแสนสิริและเป็นคุณค่าของพื้นที่สีเขียวที่ส่งมอบต่อไปยังลูกหลานในอนาคตได้ โดยเฉพาะในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แสนสิริได้ปลูกต้นไม้รวมกว่า 200,000 ต้นในกว่า 100 โครงการของแสนสิริ แบ่งเป็นต้นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่กว่า 12,000 ต้น ที่ช่วยดูดซับคาร์บอนให้โลกได้กว่า 114 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี รวมทั้งมีการเก็บรักษาต้นไม้ใหญ่บนที่ดินเดิมกว่า 1,000 ต้น ซึ่งดีเอ็นเอรักษ์โลกนี้ยังได้ส่งต่อไปยังธุรกิจอื่นๆ ที่แสนสิริลงทุนด้วย อาทิ โรงแรมเดอะ สแตนดาร์ด หัวหิน ที่แสนสิริลงทุนก็ได้มีการเก็บต้นไม้ขนาดใหญ่บนที่ดินเดิมไว้กว่า 200 ต้นและปลูกต้นไม้ใหม่เพิ่มอีกกว่า 3,000 ต้นเช่นกัน
นายอุทัย กล่าวต่อว่า "แม้พันธกิจการปลูกต้นไม้เพื่อกรุงเทพฯ ที่แสนสิริให้ไว้จะอยู่ที่ 20,000 ต้น แต่เราก็เชื่อว่าการปลูกต้นไม้และสร้างพื้นที่สีเขียวให้มากที่สุดไม่เพียงแต่เป็นผลดีต่อลูกบ้านแสนสิริและคนกรุงเทพฯ เท่านั้น แต่ยังช่วยลดภาวะโลกร้อนซึ่งเป็นปัญหาวิกฤติของประชากรโลกด้วย จึงเป็นที่มาที่แสนสิริวางเป้าจะปลูกต้นไม้รวมทั้งสิ้นกว่า 90,000 ต้นในปี 2565 นี้ โดยเป็นต้นไม้ใหญ่กว่า 8,000 ต้น ช่วยดูดซับคาร์บอนให้โลกได้ถึง 76 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี ซึ่งตัวเลขนี้มาจากการที่แสนสิริจะปลูกในโครงการใหม่กว่า 46 โครงการ และรวมพลังพนักงานแสนสิริ ตลอดจนลูกบ้านในทุกโครงการให้มาปลูกต้นไม้ใน "Sansiri Tree Day" เพื่อร่วมปลูกความยั่งยืน ให้ความสุขยืนต้นไปแสนนาน โดยจะมีการเก็บบันทึกการเจริญเติบโตของไม้ยืนต้น สะสมแต้มออกซิเจน สร้างอากาศที่ดีให้แก่โลกใบนี้ร่วมกันในเดือนสิงหาคมนี้และตลอดปี 2022"
ทั้งนี้ โซนอยู่อาศัยที่ปลูกต้นไม้มากที่สุดของแสนสิริในปี 2565 ได้แก่ "กรุงเทพกรีฑา คอมมูนิตี้" ที่ประกอบด้วยโครงการนาราสิริ, บุราสิริ, บูก้าน และถนนส่วนกลาง ที่ปลูกต้นไม้รวมถึงกว่า 16,500 ต้น ส่วนโครงการแนวราบที่ปลูกต้นไม้มากที่สุดในปี 2565 คือ "บุราสิริ กรุงเทพกรีฑา" ที่กำลังจะเปิดตัวในเดือนสิงหาคมนี้ โดยปลูกต้นไม้ใหญ่กว่า 300 ต้น และต้นไม้ชนิดอื่นอีกถึง 8,000 ต้น ด้านโครงการคอนโดมิเนียมที่ปลูกต้นไม้มากที่สุด ได้แก่ "เอ็กซ์ที พญาไท" ที่มีต้นไม้ใหญ่ถึง 110 ต้น และต้นไม้ชนิดอื่น ๆ อีกกว่า 1,500 ต้น
นายอุทัย กล่าวถึงการจัดกิจกรรม Sansiri Tree Story Photo Contest ว่า แสนสิริอยากเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่ช่วยจุดประกายและสร้างแรงบันดาลใจให้คนกรุงเทพฯ และคนไทยทุกคนหันมาปลูกต้นไม้เพิ่มมากขึ้น ด้วยการจัดกิจกรรม Sansiri Tree Story Photo Contest ที่ครอบครัวแสนสิริและประชาชนทั่วไปร่วมแบ่งปันและเข้าร่วมประกวดภาพถ่ายช่วงเวลาดีๆที่มีความสุขในพื้นที่สีเขียวของโครงการแสนสิริได้ ชิงเงินรางวัลสูงสุดถึง 250,000 บาท โดยผลงานที่ได้รับการคัดเลือกจะถูกนำไปจัดแสดงที่นิทรรศการสร้างแรงบันดาลใจปลูกต้นไม้ที่จะจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในไทย ในรูปแบบ Online Exhibition และ On-ground Exhibition ที่โครงการของแสนสิริเร็ว ๆ นี้
ผู้สนใจร่วมกิจกรรม Sansiri Tree Day Photo Contest ที่ชวนคุณแบ่งปันภาพ Happy Green Moment ความสุขของฉันในบรรยากาศธรรมชาติสีเขียวในโครงการของแสนสิริ เพื่อชิงเงินรางวัลรวมกว่า 250,000 บาท สามารถดูรายละเอียดได้ที่เฟซบุ๊คเพจ Sansiri PLC https://www.facebook.com/sansirifamily หมดเขต 31 กรกฎาคมนี้เท่านั้น ส่วนครอบครัวแสนสิริที่ต้องการร่วมปลูกต้นไม้ในโครงการ Sansiri Tree Day และต้องการเก็บบันทึกข้อมูลต้นไม้เพื่อติดตามตัวเลขการเพิ่มออกซิเจนให้กรุงเทพฯ สามารถนำถุงผ้ามารับต้นกล้าฟรี รวม 500 ต้น ทุกเสาร์-อาทิตย์ ที่ปองโย Sansiri Backyard ได้ตลอดเดือนสิงหาคมนี้ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.sansiri.com/thai/แสนสิริเพื่อสิ่งแวดล้อม
ร่วมปลูกความยั่งยืน ให้ความสุขยืนต้นไปแสนนาน และสร้างจุดเปลี่ยนด้านสิ่งแวดล้อมครั้งสำคัญเพื่ออนาคตของกรุงเทพอย่างยั่งยืนด้วยกัน