MovieNim's Island

ข่าวบันเทิง Monday March 24, 2008 11:23 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--24 มี.ค.--สหมงคลฟิล์ม
ประเภท ผจญภัย / ครอบครัว
สัญชาติ อเมริกัน
อำนวยการสร้าง สตีเฟ่น โจนส์ (Superman Returns, Peter Pan, Scooby-Doo)
กำกับ / เขียนบท มาร์ค เลวิน, เจนนิเฟอร์ แฟล็คเก็ตต์
(มือเขียนบทจาก Wimbledon และ Little Manhattan)
นำแสดง อบิเกล เบรสลิน (Little Miss Sunshine)
โจดี้ ฟอสเตอร์ (The Silence of the Lambs, Panic Room, Flight Plan)
เจอราร์ด บัตเลอร์ (300, P.S. I Love You, The Phantom of the Opera)
กำหนดฉาย 10 เมษายน 2008
จัดจำหน่าย มงคลเมเจอร์
Official Site http://www.nimsisland.com/
ถึง อเล็กซ์ โรเวอร์ ที่รัก
พ่อของหนูหายไปในทะเล และเกาะของเราถูกบุกรุก
หนูต้องการคุณค่ะ อเล็กซ์ โรเวอร์!
อะไรก็เกิดขึ้นได้ในเกาะของนิม ดินแดนแห่งจินตนาการและการผจญภัย สาวน้อยเจ้าอารมณ์ชื่อนิม (อบิเกล เบรสลิน) ปกครองที่นี่โดยมีเพื่อนสัตว์รายล้อมและได้แรงบันดาลใจจากหนังสือและตำนานที่ได้อ่าน วีรบุรุษคนโปรดของเธอคือ อเล็กซ์ โรเวอร์ นักผจญภัยผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกนิยาย เพราะฉะนั้น เมื่อเกาะของเธอถูกรุกราน เธอจึงขอความช่วยเหลือจากฮีโร่ขวัญใจคนนี้
แต่นิมไม่รู้เลยว่า นักเขียนที่แต่งนิยายผจญภัยเหล่านี้ แท้จริงแล้วคือ อเล็กซานดรา โรเวอร์ ผู้หญิงขี้กลัวตัวคนเดียวที่ไม่กล้าแม้แต่จะเปิดประตูบ้านออกไปเผชิญโลก วันนี้อเล็กซานดราก้าวเท้าอย่างกล้าๆกลัวๆสู่โลกภายนอก ส่วนนิมได้เผชิญความท้าทายครั้งใหญ่ที่สุดในวัยเด็ก พวกเขาต้องดึงความกล้าหาญจากตัวละครอเล็กซ์ โรเวอร์ และค้นหาความเข้มแข็งในตัวกันและกันเพื่อกู้เกาะของนิม
Nim’s Island คือภาพยนตร์ผจญภัยสุดหรรษาที่พูดถึง “การเป็นฮีโร่ในเรื่องราวของตนเอง” กับเรื่องราวของเด็กผู้หญิงที่คิดว่าตัวเองอยู่คนเดียวและหญิงสาวที่คิดว่าตัวเองกลัวโลกภายนอก ทั้งคู่ได้พบว่าตนเองสามารถเป็นอะไรได้มากกว่าที่เคยฝัน หนังนำแสดงโดยนักแสดงเด็กผู้เข้าชิงออสการ์ อบิเกล เบรสลิน (Little Miss Sunshine) ในบท “นิม”, นักแสดงหญิงผู้เข้าชิงออสการ์ โจดี้ ฟอสเตอร์ (The Silence of the Lambs, Flightplan) และสุดหล่อ เจอราร์ด บัตเลอร์ (300, P.S. I Love You) ในบทควบเป็นพ่อตัวจริงของนิมและตัวละครนักผจญภัย อเล็กซ์ โรเวอร์
Nim’s Island กำกับการแสดงโดยคู่สามีภรรยา มาร์ค เลวิน และเจนนิเฟอร์ แฟล็คเก็ตต์ (จาก Little Manhattan) ที่ควบตำแหน่งเขียนบทภาพยนตร์ร่วมกับ พอลล่า เมเซอร์ และฌจเซฟ กว่อง สร้างจากนวนิยายชื่อดังของ เวนดี้ ออร์ อำนวยการสร้างโดย พอลล่า เมเซอร์ (Corrina, Corrina) และอำนวยการสร้างบริหารโดย สตีเฟ่น โจนส์ (Superman Returns)
Nim’s Island ถ่ายทำที่ Gold Coast ชายหาดทรายสวยของออสเตรเลีย และป่าฝนอันอุดมสมบูรณ์บนเกาะ Hinchinbrook สร้างสรรค์โลกอันน่าตื่นตาของนิมโดยทีมงานคุณภาพ รวมถึง ผู้กำกับภาพผู้เข้าชิงออสการ์ สจ๊วต ดรายเบิร์ก (The Piano, Bridget Jones’ Diary), ผู้ออกแบบงานสร้าง แบร์รี่ โรบิสัน (Wedding Crashers), ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์ เจฟฟรี่ย์ เคอร์แลนด์ (Ocean’s Eleven, Bullets Over Broadway) และมือตัดต่อ สจ๊วต เลวี่ (Any Given Sunday)
ปี 2002 นักเขียน เวนดี้ ออร์ ตีพิมพ์นิยายเรื่อง Nim’s Island เป็นการให้กำเนิดเกาะสวรรค์เขตร้อนอันเต็มไปด้วยการผจญภัยอย่างที่ไม่เคยมีใครเคยเห็นมาก่อน พร้อมด้วยตัวละครหลักเป็นหญิงแกร่งสองคน คนแรกคือเด็กหญิงผู้กล้าหาญชื่อนิม ที่ใช้ชีวิตอย่างน่าตื่นเต้นแบบครอบครัวโรบินสันยุคใหม่กับพ่อนักวิทยาศาสตร์และเพื่อนสัตว์ป่าคู่ใจบนเกาะอันห่างไกล อีกคนหนึ่งคือนักเขียนนิยายผจญภัย อเล็กซานดรา โรเวอร์ ที่มีชีวิตแบบตรงข้าม นั่นคือโดดเดี่ยวและหวาดระแวงในบ้านพักใจกลางเมือง จนกระทั่งแฟนพันธุ์แท้ของเธอติดต่อมาขอความช่วยเหลือ
เมื่อโชคชะตาพานิมและอเล็กซานดรามาพบกัน ก็ปรากฏว่าสองคนนี้ต่างกันสุดขั้ว นิมชอบความตื่นเต้นของการผจญภัยและไขว่คว้าหามิตรภาพ ขณะที่อเล็กซานดราขี้กลัวและระแวงไปทุกอย่าง แต่ทั้งคู่พบว่าพวกเขามีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นคือความเชื่อในพลังแห่งจินตนาการ และความรักในตัวละครที่อเล็กซานดราสร้างขึ้น นั่นคือ อเล็กซ์ โรเวอร์ นักผจญภัยผู้กล้าหาญที่เป็นแรงบันดาลใจให้พวกเขาไปยังสถานที่อันน่าทึ่งและเข้าใกล้สิ่งที่เคยได้แต่ฝัน สุดท้ายนิมก็ได้เผชิญหน้ากับความท้าทายหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด นั่นก็คือ การสร้างครอบครัว
ออร์บอกว่า “สิ่งที่หนังสือเล่มนี้ต้องการจะบอกคือ เรากล้าหาญกว่าที่เราคิดมากนัก ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู่กับโจรสลัด หรือออกจากบ้านไปเผชิญโลก ต่างแสดงให้เห็นว่าคนเราสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คิดเยอะ”
ย้อนไปเมื่อสองสามปีก่อน ผู้อำนวยการสร้าง พอลล่า เมเซอร์ พบหนังสือเรื่อง Nim’s Island ในถังขยะห้องสมุดเมืองซานตามอนิก้า เธอเห็นว่าชื่อเรื่องน่าสนใจจึงนำกลับบ้านไปอ่านให้ลูกๆฟังและได้แรงบันดาลใจจากมันทันที “ฉันว่ามันเป็นเรื่องราวที่สวยงาม และเขียนดี ตัวละครก็แข็งแรง ทั้งพ่อ ลูก และนักเขียนคนหนึ่งที่ชะตาลิขิตให้มาพบกัน ฉันคิดเลยว่าอยากดูหนังเรื่องนี้ ที่ฉันชอบเป็นพิเศษคือนิมเป็นตัวละครแบบอย่าง เธอเป็นเด็กที่มีความสามารถและจัดการทุกอย่างที่พบเจอได้ด้วยความกระตือรือร้นและมีอารมณ์ขัน” เมเซอร์กล่าว
เมเซอร์ดีใจมากที่พบว่าลิขสิทธิ์หนังสือยังว่าง จึงเดินหน้าดัดแปลงหนังสือเป็นบทหนังทันที หลังจากได้พาร์ทเนอร์เป็นบริษัท Walden Media ซึ่งมีชื่อเสียงด้านการดัดแปลงนิยายครอบครัวเป็นภาพยนตร์อย่างซื่อสัตย์และสร้างสรรค์
เมื่อต้องหามือเขียนบทมาดัดแปลงหนังสือให้เป็นภาพยนตร์ ทั้งเมเซอร์และ Walden Media เห็นพ้องกันในการเลือกคู่สามีภรรยา มาร์ค เลวิน และเจนนิเฟอร์ แฟล็คเก็ตต์ จากหนังน่ารักๆเรื่อง Little Manhattan มารับหน้าที่นี้ Nim’s Island เป็นหนังคอเมดี้ที่หายาก, ฉลาด และมีลูกล่อลูกชน เหมาะกับผู้ชมทุกเพศทุกวัย และเห็นได้ชัดว่ามือเขียนบททั้งสองคนหลงใหลการแทรกความรู้สึกอันเข้มข้นและอารมณ์ขันอันซับซ้อนเข้าในบริบทหนังครอบครัวเช่นนี้
“บรรยากาศของ Little Manhattan จะสมจริงมากและไม่ใส่ความรู้สึกใดๆเข้าไป บทหนังเรื่องนั้นฉลาดและสวยงามมาก ฉันรู้สึกว่าพวกเขาเหมาะจะกำกับ Nim’s Island ที่สุด ซึ่งทาง Walden Media ก็เห็นด้วย” เมเซอร์กล่าว
มาร์คและเจนนิเฟอร์เป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ พวกเขาจึงตกหลุมรักนิมและตัวละครน่ารักๆทุกตัว ทั้งคนและสัตว์ที่ปรากฎอยู่ในนิยายของออร์ “เราคิดว่าหนังสือเล่มนี้เป็นวัตถุดิบชั้นดีสำหรับหนังสนุกๆสักเรื่อง และเราได้แรงบันดาลใจจากลูกสาวเยอะมาดในการเขียนบทและกำกับหนังเรื่องนี้ เพราะเราอยากสร้างหนังที่ลูกชอบ และเราอยากให้บางอย่างสะท้อนถึงลูกด้วย เพราะเธอเหมือนนิมมากในความคิดของเรา”
แฟล็คเก็ตต์เสริมว่า “เราตื่นเต้นมากที่ได้ลองถ่ายทอดความไม่อยู่นิ่ง ชอบวิ่ง ชอบกระโดด ชอบผจญภัยของเด็กๆ ไม่ค่อยมีบทแบบนี้สำหรับเด็กผู้หญิงเท่าไหร่ และเราอยากสร้างให้ลูกสาว อีกอย่างเราชอบหนังครอบครัวกันอยู่แล้ว เพราะมันดูได้ทุกวัยและไม่ว่ายุคไหนคนก็เข้าถึง ซึ่งเรามองเห็นสักยภาพตรงนี้ในเรื่องนี้”
มาร์คและเจนนิเฟอร์เริ่มดัดแปลงหนังด้วยการพิจารณาหัวใจของหนัง “แก่นกลางของเรื่องนี้คือคนที่พยามสร้างความผูกพัน เรื่องของพ่อที่พยายามกลับบ้านไปหาลูกสาว, เด็กผู้หญิงที่ขอความช่วยเหลือจากฮีโร่คนโปรดยามคับขัน, นักเขียนที่พยายามสร้างความสัมพันธ์กับโลก และกับบุคคลที่เธออยากเป็นมาตลอด ที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของครอบครัวที่พยายามจะฟื้นฟูตัวมันเอง เหล่านี้คือแก่นของหนังสือ ซึ่งมันคือแรงผลักดันให้เราสร้างหนัง จากบทหนังสู่การถ่ายทำ” เลวินกล่าว
ขณะที่แก่นเรื่องคงเดิม แต่มือเขียนบททั้งสองได้ขยายเหตุการณ์ของหนังสือเพื่อเพิ่มอารมณ์ดราม่าและความตื่นเต้นทางภาพบนจอภาพยนตร์ “เหตุการณ์ในหนังจะเหมือนในหนังสือ แต่เราทำให้เหตุการณ์เดิมดูใหญ่ขึ้น เป็นภาพยนตร์มากขึ้น”
เลวินและแฟล็คเก็ตต์สารภาพว่าพวกเขาชอบเขียนบทจากมุมมองที่สดใสและไม่กลัวอะไรของเด็ก “มีบางอย่างในตัวเด็กผู้หญิงอายุ 12 คนนี้ที่เป็นมุมมองที่สนุกและน่าติดตามมาก เพราะว่าช่วงอายุนี้เป็นช่วงแห่งการเปลี่ยนแปลงของชีวิตเราทุกคน” เลวินกล่าว
ตัวละครที่เป็นศูนย์กลางของ Nim’s Island เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “นิม” เด็กหญิงเจ้าอารมณ์และสดใสที่ตั้งตนเป็นผู้นำสัตว์ป่า และผู้ครองเกาะสวรรค์อันห่างไกลโดยมีสิงโตทะเลชื่อเซลกี้เป็นเพื่อนซี้
นาทีแรกที่นิม, ชีวิตของนิมบนเกาะ และจินตนาการอันบรรเจิดของเธอผุดขึ้นมาในหัวของนักเขียน เวนดี้ ออร์ เธอก็รู้ทันทีว่านี่คือสิ่งพิเศษ “นิมเป็นเด็กผู้หญิงที่กล้าหาญ, ซื่อสัตย์ และเข้มแข็ง เธอมีข้อตำหนิในตัว ถ้าคุณเป็นนักเขียน คุณจะมีตัวละครบางตัวที่คุณรักเป็นพิเศษ และนิมเป็นตัวละครตัวหนึ่งที่ฉันรักมาก” ออร์สารภาพ
ทีมสร้างหนังก็รู้สึกรักนิมเช่นกันซึ่งทำให้เกิดความลำบากใจ นั่นคือ พวกเขาจะไปหานักแสดงเด็กที่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครด้วยการแสดงที่ซับซ้อนบวกกับอารมณ์ขัน, แอ๊คชั่น และอารมณ์ซึ้งแบบครอบครัว ได้จากที่ไหน ตอนแรกทีมงานคิดจะเปิดการคัดเลือกเด็กผู้หญิงจากทั่วโลกเพื่อหานักแสดงหน้าใหม่มารับบทนิม แต่พวกเขาเปลี่ยนใจทันทีที่ภาพยนตร์ตลกเรื่อง Little Miss Sunshine ออกฉาย และโลกได้รู้จักนักแสดงเด็กมากพรสวรรค์ อบิเกล เบรสลิน หนูน้อยมหัศจรรย์คนนี้ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ตอนอายุ 10 ขวบ จากบทผู้เข้าชิงมงกุฎนางงามเด็ก และพิสูจน์สเน่ห์ต่อผู้ชมทั่วโลกในฐานะนักแสดงเด็กที่ทำเอารุ่นพี่ร้อนๆหนาวๆ “ตอนที่เห็นการแสดงของอบิเกล พวกเรารู้เลยว่าไม่ต้องไปหานักแสดงที่ไหนแล้ว” ผู้อำนวยการสร้าง พอลล่า เมเซอร์ กล่าว “ยิ่งได้เจอตัวจริง เราก็ยิ่งมั่นใจว่าเธอนี่แหละคือนิม”
มาร์ค เลวิน และเจนนิเฟอร์ แฟล็คเก็ตต์ จำครั้งแรกที่พบอบิเกลได้แม่นยำ “เราสองคนคิดเหมือนกันว่า โอ้โห หนูคนนี้ช่างเป็นตัวของตัวเอง เป็นธรรมชาติ และเข้าถึงได้ รอยยิ้มของเธอมีเสน่ห์มาก” แฟล็คเก็ตต์กล่าว “เธอเป็นเด็กที่มีชีวิตไม่ธรรมดา คล้ายๆนิมเลย”
ในการถ่ายทำ ผู้กำกับทั้งสองเล่าว่าอบิเกลมีความคิดสร้างสรรค์และร่วมงานกับทีมได้เป็นอย่างดี พวกเขาเลิกคิดว่าเธอคือนักแสดงเด็กทันที “อบิเกลถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่เยอะเกินไป เป็นการแสดงที่จริงใจและงดงาม ซึ่งคุณจะสัมผัสได้ โดยเฉพาะตอนที่นิมคิดถึงพ่อ” เลวินเสริม “ทุกคนในกองถ่ายทึ่งกับการแสดงของอบิเกลมาก”
อบิเกลบอกว่าสิ่งแรกที่ทำให้เธอสนใจบทนี้คือชีวิตที่เต็มไปด้วยการผจญภัยและจินตนาการของนิม “หนูไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน หนูต้องปีน ต้องวิ่ง ต้องโรยตัวบนราวสลิงเยอะมาก สนุกสุดๆ ได้ฟันดาบด้วย แถมยังต้องฝึกดำน้ำด้วย หนูต้องเรียนวิธีดำน้ำแบบเป็ด ฝึกกลั้นหายใจในน้ำ แล้วก็กรี๊ดในน้ำ มันไม่ยากอย่างที่คิดนะคะ แค่อ้าปากแล้วก็กรี๊ดออกมาเลย ทำแบบนั้นน้ำจะไม่เข้าปากค่ะ” อบิเกลเล่าต่อว่า “แล้วหนูก็สนุกมากที่ได้ทำความรู้จักเพื่อนทุกคนของนิม ทั้งสิงโตทะเล, อิกัวน่า, นกกระทุง มันเจ๋งมากเลย”
อบิเกลเองก็รู้สึกถึงความท้าทายในการครองอาณาจักรเล็กๆอันห่างไกลความเจริญแห่งนี้เช่นเดียวกับนิม ผู้ประสานงานคิวบู๊ เกล็น รูแลนด์ มองว่าบทนี้ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในตัวหนูน้อยทั้งทางร่างกายและจิตใจ “อบิเกลเปลี่ยนจากเด็กนิวยอร์กไปเป็นเด็กลุยๆหลังถ่ายทำเสร็จ เธอผ่านทั้งการฝึกว่ายน้ำใต้ทะเล, การโรยตัวบนรอก แม้แต่การเกาะสิงโตทะเลหนัก 400 ปอนด์ในน้ำ บทนี้ทำให้เธอได้ประสบการณ์แอ๊คชั่นมากมาย และเราเห็นเธอมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น”
อบิเกลชอบความท้าทายทางร่างกายพวกนี้ก็จริง แต่เธอบอกว่าสิ่งที่สำคัญสำหรับนิมจริงๆนั้นเกิดขึ้นเมื่อเธอได้พบกับ เอล็กซานดรา โรเวอร์ และมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายใน “สิ่งที่หนูชอบที่สุดคือการที่นิมและอเล็กซ์ได้พบว่าต่างฝ่ายต่างมีความเข้มแข็งมากกว่าที่ตัวเองคิด” เธอบอก “พวกเขายังได้เรียนรู้อีกด้วยว่ามนุษย์เราอยู่คนเดียวไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม คนเราต่างเคยมีช่วงเวลาที่ต้องการให้คนรักคอยอยู่เคียงข้าง”
เมื่อรู้สึกโดดเดี่ยวและเกาะอันเป็นที่รักถูกบุกรุก นิมจึงขอความช่วยเหลือจากบุคคลที่เธอคิดว่าต้องช่วยเธอได้แน่ นั่นก็คือ อเล็กซ์ โรเวอร์ ฮีโร่ผู้กล้าหาญจากนิยายผจญภัยเรื่องโปรด แต่นิมกำลังจะได้รู้ความจริงว่า แท้จริงแล้ว อเล็กซ์ของเธอคือ อเล็กซานดรา นักเขียนหญิงขี้กลัวที่ไม่กล้าออกจากบ้านเป็นเดือนๆ อเล็กซานดรากลัวไปหมดทุกอย่าง แม้กระทั่งจุลินทรีย์ ความกล้าหาญของเธอไม่ได้เสี้ยวหนึ่งของตัวละครนักผจญภัยที่ตัวเองแต่งเลย แต่ยังไงเธอก็ไม่อาจดูดายคำขอร้องของนิม และพบว่าเธอเองก็มีความป็นฮีโร่อยู่ในตัวเช่นกัน
สำหรับบทอเล็กซานดรา ทีมงานรู้ดีว่าต้องหานักแสดงหญิงที่มีสามารถแสดงความขี้กลัวออกมาได้อย่างน่าขบขัน แต่ขณะเดียวกันก็ต้องถ่ายทอดอารมณ์ได้จริงใจเป็นธรรมชาติ ซึ่งใช่ว่าจะหาง่าย แต่โชคชะตาก็ทำให้มันง่ายเหลือเชื่อ เพราะขณะที่ทีมงานตามหานักแสดงหญิงเพื่อมารับบทนี้ ก็มีนักแสดงหญิงคนหนึ่งอยากแสดงบทนี้พอดี นั่นก็คือ โจดี้ ฟอสเตอร์ นักแสดงหญิงเจ้าของรางวัลออสการ์ที่ชอบ Nim’s Island ก่อนที่ทีมงานจะส่งบทหนังมาให้อ่านเสียอีก
ทีมงานต่างเป็นปลิ้มและแปลกใจ “เราไม่ค่อยได้เห็น โจดี้ ฟอสเตอร์ แสดงบทตลก” ผู้อำนวยการสร้าง พอลล่า เมเซอร์ กล่าว “แต่โจดี้อยากแสดงบทนี้มาก เธอเป็นนักแสดงหญิงฝีมือดีที่สุดคนหนึ่งที่ยังมีชีวิตอยู่ เพราะฉะนั้นถ้าเธอเชื่อว่าเธอทำได้ ก็แสดงว่าเธอต้องทำได้ และแน่นอนว่าเธอทำได้ดีเหนือความคาดหมายของพวกเรา ทุกคนตื่นเต้นมากที่ได้ร่วมงานกับยอดฝีมืออย่างโจดี้ ที่ทำให้ได้กลุ่มคนดูวงกว้าง”
โจดี้ ฟอสเตอร์ เริ่มต้นงานแสดงตั้งแต่เด็กเช่นเดียวกับ อบิเกล เบรสลิน เธอได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ตอนอายุ 14 ปีจากภาพยนตร์ของ มาร์ติน สกอร์เซซี เรื่อง Taxi Driver และสานต่องานแสดงจนกลายเป็นนักแสดงหญิงแถวหน้าของวงการที่มีชื่อเสียงในแนวดราม่า รวมทั้งเป็นมือเขียนบทและผู้กำกับที่ประสบความสำเร็จด้วย ฟอสเตอร์ได้รับรางวัลออสการ์จาก The Accused และ The Silence of the Lambs มีแต่เครดิตหนังหนักๆทั้งนั้น ทุกคนก็เลยสนใจว่าเธอจะแสดงบทสุดฮาอย่างนักเขียนขี้กลัว อเล็กซานดรา โรเวอร์ ออกมาเป็นอย่างไร
ผู้กำกับ มาร์ค เลวิน บอกว่า “พอโจดี้สวมบทเป็นอเล็กซานดรา เรารู้สึกว่ามันลงตัวสุดๆ การแสดงของเธอสนุกมาก เพราะเธอพลิกบทบาทแบบหน้ามือเป็นหลังมือ จากภาพลักษณ์เครียดๆมาเป็นฮาสุดๆ การที่เธอมารับบทเป็นนักเขียนขี้กลัวที่ค้นพบความเป็นเด็กในตัวเอง ดูเหมือนเป็นการเดินทางที่สมบูรณ์แบบที่โจดี้จะพาผู้ชมไป “ความสนุกและพลังที่โจดี้ใส่เข้าไปในการรับบทนี้โดดเด่นมาก”
ฟอสเตอร์บอกว่าสิ่งที่ดึงดูดเธอตั้งแต่แรกก็คือจิตวิญญาณของเรื่องราว “มันเป็นเรื่องราวอัศจรรย์ที่มอบแรงบันดาลใจให้เด็กหญิงและเด็กชายออกไปผจญภัยและเผชิญโลก นิมแสดงให้เห็นว่าการเป็นฮีโร่ในเรื่องราวของตัวเองนั้นเป็นยังไง” โจดี้กล่าว “ตรงข้ามกับความเอื่อยเฉื่อยที่เราเห็นกันบ่อยๆในปัจจุบัน ฉันคิดว่าไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่เราก็ควรรักษาจิตวิญญาณด้านการผจญภัยเอาไว้”
มุมผจญภัยในตัวโจดี้ถูกกระตุ้นเมื่อเธอได้แสดงฉากสนุกๆมากมาย ทั้งหกล้มหน้าคะมำ, ลงน้ำ และฉากตลกโปกฮาทั้งหลายที่ใช้ร่างกาย “ฉันไม่ค่อยได้เจอบทตลกที่คิดว่าตัวเองแสดงได้เท่าไหร่ แต่นี่คือบทที่ฉันมั่นใจ” โจดี้ ฟอสเตอร์ กล่าว “และฉันคิดว่าในความงุ่มงามและประหลาดของอเล็กซานดรามันมีความน่าสะเทือนใจอยู่ ฉันแสดงหนังดราม่าหลายเรื่องที่เกี่ยวกับความกลัว และความตลกของอเล็กซานดราอยู่ที่เธอกลัวจนเกินเหตุ กลัวแมงมุมที่ไต่อยู่บนคอมพิวเตอร์ กลัวคนตบไหล่ กลัวแม้กระทั่งการเปิดประตูออกไปหน้าบ้าน เพราะฉะนั้นมันก็เลยเป็นการพลิกบทที่น่าสนใจ มันสนุกมากที่ได้ถ่ายทอดการค้นหาความกล้าหาญในตัวเองของอเล็กซานดราในเรื่องเล็กๆ แค่การไปสนามบิน กินอาหารแปลกๆ และทิ้งทุกอย่างที่คุ้นเคยไว้เบื้องหลัง”
ระหว่างการเดินทางไปเกาะของนิม ชีวิตของเธอก็พลิกผันสุดขั้ว และได้เผชิญกับสถานการณ์ที่ครั้งหนึ่งเคยแต่อยู่ในจินตนาการ ทั้งโรยตัวบนรอกผ่านยอดไม้ในป่า, ว่ายน้ำกับปลาวาฬ และขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เหมือนตัวละคร อเล็กซ์ โรเวอร์ ในหนังสือของเธอ แม้โจดี้จะออกตัวว่าเธอไม่ใช่คนชอบออกกลางแจ้งเท่าไหร่ แต่ผู้ดูแลคิวสตันท์ เกล็น รูแลนด์ ประทับใจการแสดงฉากแอ๊คชั่นกลางแจ้ง, บนดิน และในน้ำของเธอมาก “โจดี้สามารถเข้าได้กับทุกสถานการณ์ และเธอก็ผ่อนคลาย สบายๆ และทำได้ดีมาก” รูแลนด์กล่าว “เธอเป็นผู้หญิงที่แข็งแรงมาก คุณจะเห็นได้จากการแสดงของเธอ”
ทันทีที่เข้าฉาก โจดี้ก็ชื่นชม อบิเกล เบรสลิน ทันที “อบิเกลคือนักแสดงเด็กที่เก่งมาก มีหลายอย่างที่ทำให้ฉันนึกถึงตัวเองตอนเด็กๆ โดยเฉพาะที่เธอทำงานมานาน เธอมีสัญชาติญาณว่าแสดงยังไงถึงจะออกมาดูจริง และไม่เครียดกับมันเลย”
กับนักแสดงร่วมอีกคน นั่นคือ เจอราร์ด บัตเลอร์ โจดี้ก็เข้าขากับเขาเป็นอย่างดี บัตเลอร์แสดงเป็น อเล็กซ์ โรเวอร์ ตัวละครที่อเล็กซานดราแต่งขึ้นและเป็นตัวตนอีกด้านหนึ่งของเธอที่ต่อล้อต่อเถียงกับเธอตลอดการผจญภัย “ฉันชอบอเล็กซ์เพราะเขาเป็นตัวละครที่เยี่ยมมาก ชีวิตเขาน่าทึ่ง เขาทำอะไรห่ามๆหลายอย่าง เช่น กระโดดหนีออกมาจากรังแมงมุม แต่ตอนนี้เขาต้องมาติดแหง็กอยู่กับยัยเพี้ยนนิสัยประหลาด เจอราร์ดใส่อารมณ์ขันเข้าไปในการแสดงได้ดีทีเดียว เขาเป็นนักแสดงที่น่าร่วมงานด้วย” โจดี้ ฟอสเตอร์ กล่าว
บัตเลอร์เองก็เป็นปลื้มที่ได้ร่วมงานกับฟอสเตอร์ เขากับฟอสเตอร์ต้องถ่ายทอดความจริงกับจินตนาการในฉากที่ อเล็กซ์ โรเวอร์ ซึ่งเป็นตัวละครในจินตนาการของอเล็กซานดราปรากฏตัวขึ้น “เราสนุกกันมาก บางครั้งผมถึงกับต้องหยิกตัวเอง” บัตเลอร์สารภาพ “เราลองไอเดียใหม่ๆหลายอย่างและผมคิดว่าตัวละครของเธอตลกดี อเล็กซ์กับอเล็กซานดราเป็นตัวละครที่มีชีวิตชีวาเกินกว่าที่เราคิดไว้เยอะเลย”
เสน่ห์และอารมณ์ขันที่เป็นธรรมชาติในการแสดงของฟอสเตอร์ทำให้ทีมงานทุกคนผ่อนคลาย “โจดี้ให้สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากกับเรื่อง นั่นคือความสมจริง” เจนนิเฟอร์ แฟล็คเก็ตตืกล่าวสรุป “อเล็กซานดราชนต้นไม้ดังโครมแล้วตกลงมาบ่อยๆ และมีฉากตลกโปกฮาเยอะมาก แต่โจดี้ซึ่งเป็นยอดฝีมือ ใส่ความสมจริงเข้าไป ทำให้บทนี้ไม่ใช่แค่ตลก แต่ยังน่าเชื่อถือด้วย”
ในเรื่องราวเกี่ยวกับพลังแห่งจินตนาการที่หล่อหลอมตัวตนของคนเรา เจอราร์ด บัตเลอร์ ควบสองบททั้งภาคความจริงและจินตนาการ ได้แก่ บทพ่อนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะของนิมที่จากบ้านมาไกล และบท อเล็กซ์ โรเวอร์ ตัวละครนักผจญภัยผู้สง่างามในนิยายที่นิมหวังให้เขามาช่วย
แม้ว่าตอนแรกทีมงานตั้งใจจะให้นักแสดงชายสองคนมารับบทสองบทนี้แยกกัน แต่บัตเลอร์ ที่รับบทเป็นนักรบผู้ห้าวหาญใน 300 แล้วพลิกบทมาเป็นชายหนุ่มผู้อ่อนโยนใน P.S. I Love You ทำให้ทีมงานเชื่อว่าเขาสามารถแสดงสองบทนี้พร้อมกันได้ “เจอร์รี่ทำให้เราอยากเลือกเขามาแสดงเป็นสองบท” มาร์ค เลวิน กล่าว “เพราะเขาแสดงเป็นจีคกับอเล็กซ์แล้วมันดูใช่ ดูเหมาะสม เขามีคุณสมบัติของทั้งสองตัวละคร ทำให้เราเห็นว่าทั้งคู่เป็นเหมือนด้านสองด้านของเหรียญเดียวกัน และขับเน้นความเป็นหนังที่สร้างจากหนังสือ เราชอบที่มันดำเนินรอยตามประเพณีของเรื่องคลาสสิค เช่น ปีเตอร์ แพน ที่นักแสดงคนเดียวเล่นสองบท คือเป็นทั้งพ่อของเวนดี้และกัปตันฮุค”
บัตเลอร์กระตือรือร้นกับบทหนังเรื่องนี้ทันที “ผมรู้สึกว่ามันยากที่จะปฏิเสธ” บัตเลอร์อธิบาย “ผมว่ามันมีเสน่ห์ สนุก และท้าทาย ผมรู้สึกตื่นเต้นที่มีโอกาสแสดงเป็นตัวละครสองตัว”
ตัวละครทั้งสองตัวของเขาต่างมีการเดินทางของตัวเอง “แจ๊คเป็นนักชีววิทยาทางทะเลที่มีลูกสาวหนึ่งคนและมีบาดแผลในใจ” บัตเลอร์อธิบาย “เขาเป็นคนแปลกที่หลงใหลแพลงตอน แต่ก็พบความลำบากและสะเทือนใจในการพยายามกลับบ้านไปหาลูกสาว ส่วนอเล็กซ์คือนิยามของวีรบุรุษของแท้ แบบอินเดียน่า โจนส์ ที่มีความยิ่งใหญ่ มีพลัง และมีแรงบันดาลใจ แต่เขามีชีวิตอยู่แค่ในจินตนาการของของคนอื่น ก็เลยมีเรื่องตลกมากมายเกี่ยวกับเขา ที่น่าสนใจคือเขาเป็นตัวตนอีกด้านหนึ่งของอเล็กซานดรา เป็นคนที่ผลักดันความกล้าหาญในตัวของเธอ”
บัตเลอร์พบว่าตัวเองรักตัวละครทั้งคู่ แต่สุดท้ายเขาก็บอกว่าเขาชอบตัวละครที่มีตัวตนจริงอย่าง แจ๊ค มากกว่า อเล็กซ์ โรเวอร์ ที่ไม่มีตัวตน “ผมชอบแจ๊คเพราะเขามีความสัมพันธ์ที่งดงามและอ่อนโยนกับลูกสาว อเล็กซ์เป็นตัวละครที่แสดงสนุกมาก แต่ผมรู้สึกกับแจ๊คมากกว่า”
บัตเลอร์บอกว่าในการแสดงเป็นแจ๊ค เขารู้สึกสนุกกับการร่วมงานกับ อบิเกล เบรสลิน มาก “นั่นเป็นสิ่งที่เยี่ยมที่สุด เธอฉลาด ตลก ถ่อมตัว และแน่นอนว่าเก่งมากๆ”
ก่อนที่อเล็กซานดรา โรเวอร์ จะเดินทางมาถึงเกาะ เพื่อนของนิมคือสัตว์หลากชนิด ความจริง เพื่อนสนิทของเธอคือ สิงโตทะเลชื่อเซลกี้, มังกรเคราชื่อเฟร็ด และนกกระทุงชื่อกาลิเลโอ แปลว่าทีมงานต้องหาทางสร้างตัวละครไม่ธรรมดาเหล่านี้ให้มีชีวิตบนจอให้ได้ งานหินชิ้นนี้ตกเป็นของเจ้าหน้าที่ฝึกสัตว์ประจำกองถ่าย จอห์น เมดลิน และเคที่ บร็อค ซึ่งคนหลังเคยคุมสัตว์ให้ภาพยนตร์ฮิตเรื่อง Babe: Pig in the City
“เซลกี้” สิงโตทะเล คือบทที่สำคัญเป็นพิเศษ เพราะเจ้าสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ชนิดนี้จงรักภักดีกับนิมเหมือนสุนัขพันธุ์รีทรีฟเวอร์ แต่ปัญหาคือมันหนัก 400 ปอนด์ และอาศัยอยู่ในทะเล บร็อคและทีมงานไปหาสิงโตทะเลสำหรับบทเซลกี้ที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Sea World Australia ใกล้สถานที่ถ่ายทำที่โกลด์โคสต์ในควีนส์แลนด์ ทางพิพิธภัณฑ์แนะนำสิงโตทะเลเพศผู้สองตัวซึ่งได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดีชื่อฟรายเดย์และสปัด ทั้งสองตัวแสดงโชว์อยู่ที่พิพิธภัณฑ์และสามารถแสดงกิริยาพิเศษได้ เช่น สวัสดี, จูบ และกอด
บร็อคใช้ทั้งฟรายเดย์และสปัด เอาไว้สำรองแทนกันถ้าอีกตัวหนึ่งไม่สามารถแสดงพฤติกรรมตามบทได้ แม้สิงโตทะเลสองตัวนี้จะได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดีแล้ว แต่พวกมันก็ต้องเรียนรู้เทคนิคภาพยนตร์อีกหลายอย่าง “สิ่งที่ลำบากที่สุดคือ ทั้งฟรายเดย์และสปัดเคยแต่แสดงร่วมกับผู้ฝึกแบบใกล้ชิดตัวต่อตัว แต่งานนี้ต้องอยู่ห่างกันขณะแสดงหน้ากล้อง ซึ่งไม่มช่เรื่องง่าย” บร็อคอธิบาย และแมดลินเสริมว่า “พวกมันต้องทำตัวให้ชินกับกองถ่าย ทั้งกล้อง, ไฟ, ทีมงาน รอบตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่สิงโตทะเลไม่คุ้นเคยเลย!”
บางทีสิ่งสำคัญที่สุดที่สปัดและฟรายเดย์ต้องเรียนรู้อาจเป็นการทำความคุ้นเคยกับหนูน้อย อบิเกล เบรสลิน “เราสร้างความสนิทสนมระหว่างทั้งคู่ตั้งแต่แรก” บร็อคกล่าว “เราให้อบิเกลเป็นคนให้อาหารพวกมันทุกวันก่อนเริ่มถ่ายทำ”
สัตว์อีกชนิดหนึ่งเข้าร่วมทีมนักแสดงนำคือมังกรเครา ชื่อ “เฟร็ด” เพื่อนสนิทของนิม มังกรเคราคือสัตว์เลื้อยคลานชนิดหนึ่งที่มีถุงใต้กรามมองดูเหมือนเคราจึงได้ชื่อว่ามังกรเครา แม้จะมีชื่อเรียกประหลาดล้ำแต่มังกรเคราเป็นสัตว์ที่ว่าง่ายและเข้ากับมนุษย์ได้ มันจึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับหนังเรื่องนี้ สุดท้าย จอห์น เมดลิน ใช้มังกรเคราทั้งหมด 5 ตัว ได้แก่ ก๊อบเล็ท, สตีฟ, ครัชเชอร์, คาลิโก และอลิซ สลับกันในบทเดียว
“ส่วนใหญ่เราใช้สตีฟเพราะสั่งอะไรมันก็ทำ” อบิเกล เบรสลิน เล่า “แต่ถ้ามันคึกมาไป เราก็จะเปลี่ยนเป็นก๊อบเล็ท, คาลิโก, อลิซ แล้วก็ครัชเชอร์ ตามแผนที่คิดไว้”
แต่การทำงานกับสัตว์ดึกดำบรรพ์แบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะกองถ่ายหนังเป็นสิ่งที่พวกมันไม่รู้จัก “สัตว์เลื้อยคลานพวกนี้มีนิสัยตรงไปตรงมามาก พวกมันแสดงไม่ค่อยเป็นหรอก” เจนนิเฟอร์ แฟล็คเก็ทท์ หัวเราะ
สัตว์อีกประเภทหนึ่งในทีมนักแสดงคือนกกระทุง นกน้ำขนาดใหญ่ที่ขึ้นชื่อเรื่องปากขนาดยักษ์ ในบท “กาลิเลโอ” นกส่งสารของนิม ทีมงานใช้นกกระทุงจากพิพิธภัณฑ์ Sea World เช่นเดียวกัน ซึ่งพวกมันถูกฝึกให้บินตามคำสั่งเรียบร้อยแล้ว น่าประหลาดใจที่นกกระทุงมีปฏิกิริยาต่อการฝึกดีมาก พวกมันชอบคำเยินยอและการให้ปลาเป็นอาหาร “แค่ยอนิดเดียวมันก็แสดงได้ยาวเลย” บร็อคเล่า “แสดงความรักมันหน่อยจะดีมากค่ะ”
ขณะที่สัตว์ส่วนใหญ่ใน Nim’s Island เป็นสัตว์จริง แต่ก็มีบางชนิดที่ต้องสร้างหุ่นยนต์ขึ้นมาแทน เช่น เต่าทะเล ซึ่งเป็นสายพันธุ์โบราณที่ใกล้สูญพันธุ์และบอบบางเกินไปสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ ผู้ดูแลเทคนิคหุ่นยนต์ จอห์น ค็อกซ์ บอกว่าเขากลายเป็นผู้เชี่ยวชายด้านชีววิทยาเต่าไปเลย ขณะสร้างหุ่นยนต์ของพวกมัน “เราไปดูเต่าทะเลของจริงที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Sea World และถ่ายภาพ, วัดขนาด, สำรวจรายละเอียดมาตราส่วนลำตัว, กระดอง รวมทั้งศึกษาการเคลื่อนไหวของพวกมันเพื่อสร้างหุ่นยนต์ของเราขึ้นมา” ค็อกซ์อธิบาย นอกจากนี้ค็อกซ์ยังสร้างหุ่นยนต์สิงโตทะเลขึ้นมาตัวหนึ่งด้วย สำหรับบางฉากที่อันตรายเกินกว่าที่สปัดกับฟรายเดย์จะแสดงเองได้
เรื่องราวส่วนใหญ่ใน Nim’s Island เกิดขึ้นบนเกาะอันห่างไกลที่อุดมสมบูรณ์ทั้งธรรมชาติและจินตนาการของเด็ก สถานที่ถ่ายทำเรื่องนี้ต้องมีครบถ้วนทั้งเสน่ห์, ความสวยงาม และอันตรายกลางทะเล ซึ่งเป็นทั้งชีวิตของนิม หลังจากเดินทางไปเกือบทั่วโลก ทีมงานก็เลือกออสเตรเลียซึ่งอยู่คนละฟากโลกกับอเมริกาและมีลักษณะภูมิประเทศเป็นเกาะ เพราะที่นี่มีป่าอันเขียวชอุ่ม, หาดทรายสีทอง และโขดหินใต้น้ำที่น่าตื่นตาตื่นใจ
“เราต้องการสถานที่ถ่ายทำที่เป็นเขตร้อนจริงๆ และต้องมีโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ นอกจากนี้เรายังต้องการให้สถานที่ถ่ายทำมองดูเหมือน เกาะที่สวยที่สุดในโลกด้วย ซึ่งเราพบทุกอย่างที่ต้องการหรืออาจจะมากกว่าในออสเตรเลียนี่แหละ” ผู้อำนวยการสร้าง พอลล่า เมเซอร์ กล่าว
สุดท้ายทีมงานก็ปักหลักถ่ายทำที่โกลด์โคสต์ รัฐควีนส์แลนด์ ที่ขึ้นชื่อเรื่องหาดทรายระยิบระยับ และเกาะฮินชินบรู๊ค ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นบ้านของพวกอะบอริจิน แต่ตอนนี้กลายเป็นอุทยานแห่งชาติของประเทศออสเตรีย เกาะฮินชินบรู๊คนี้อุดมไปด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม, หาดทราย และป่าชายเลนที่สวยงาม สมบูรณ์แบบสำหรับบ้านของนิม นอกจากนี้ยังมีการถ่ายทำในสตูดิโอด้วย สำหรับฉากบ้านต้นไม้ของนิมและฉากว่ายน้ำของสิงโตทะเลที่ต้องว่ายในแท้งก์ ไม่อย่างนั้นจะอันตรายเกินไป
ในการออกแบบงานสร้าง มาร์ค เลวิน และเจนนิเฟอร์ แฟล็คเก็ตต์ รวมทีมกับช่างฝีมือ 3 แขนง ได้แก่ ผู้กำกับภาพ สจ๊วต ดรายเบิร์ก ผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์จากผลงานอันประณีตเรื่อง The Piano ที่ไปถ่ายทำที่นิวซีแลนด์และกำกับการแสดงโดย เจน แคมเปี้ยน, ผู้ออกแบบงานสร้าง แบร์รี่ โรบิสัน ที่มีผลงานหลากหลายตั้งแต่ภาพยนตร์แนวตลกอย่าง Wedding Crashers ไปจนถึงแนวแอ๊คชั่นฮีโร่ฟอร์มยักษ์อย่าง X-Men: Wolverine ที่กำลังจ่อคิวฉายอยู่ตอนนี้ คนสุดท้ายคือผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย เจฟฟรี่ย์ เคอร์แลนด์ ผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์จากภาพยนตร์ดราม่าย้อนยุคของ วู้ดดี้ อัลเลน เรื่อง Bullets Over Broadway

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ