บริษัท โอซีซี จำกัด (มหาชน) ในเครือสหพัฒนพิบูล ทุ่มงบกว่า 130 ล้านบาท ดึงแบรนด์ Wella Professionals ผลิตภัณฑ์ทำสีและดูแลเส้นผมจากเยอรมัน เสริมทัพธุรกิจความงามขององค์กร ตั้งเป้าเติบโตขึ้น 50% พร้อมชู 3 จุดแข็ง Innovation, Services และ Education เพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้าซาลอนในประเทศไทย ให้กลับมาคึกคักหลังพิษโควิด
คุณธีรดา อำพันวงษ์ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอซีซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า "อย่างที่ทราบกันดีว่า ปัจจุบันผู้บริโภคปรับตัวได้กับสถานการณ์โควิด-19 และคุ้นชินกับการใส่หน้ากากอนามัยในชีวิตประจำวัน โดย โอซีซี กรุ๊ป ได้มองเห็นโอกาสในการเพิ่มไลน์ธุรกิจความงาม กลุ่มผลิตภัณฑ์สีผมและดูแลเส้นผม เนื่องจากเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคสามารถโชว์ความสวยงามได้ ถึงแม้จะใส่หน้ากากอนามัย จึงได้ทุ่มงบกว่า 130 ล้านบาท ดึงแบรนด์ Wella Professionals ผลิตภัณฑ์ทำสีและดูแลเส้นผมจากเยอรมัน ที่มีชื่อเสียงทั่วโลกยาวนานกว่า 140 ปี มาเสริมทัพธุรกิจความงามขององค์กร"
ด้าน คุณวรเทพ อัศวเกษม กรรมการ บริษัท โอซีซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า "โอซีซี กรุ๊ป เล็งเห็นถึง ศักยภาพที่โดดเด่นและความสมบูรณ์แบบของแบรนด์ Wella Professionals ที่มีความเชี่ยวชาญในด้าน Beauty Salon และ Hair Stylist ระดับมืออาชีพ ทั้งยังได้รับการการันตีว่าเป็นแบรนด์ผู้นำแห่งแฟชั่นสีผมระดับโลก บวกกับประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจด้านความงามสำหรับสินค้าในกลุ่มซาลอน ที่ยาวนานมากว่า 20 ปีของเรา จะสามารถมอบประสบการณ์ใหม่ที่แตกต่าง ที่ให้ทั้งความสุข ความงามที่ล้ำสมัย และความมั่นใจในการใช้ชีวิต แก่ผู้บริโภค ช่างผม และผู้ประกอบการด้าน Beauty Salon ได้อย่างแน่นอน โดยเราตั้งเป้าเติบโตขึ้นจากเดิม 50% เมื่อเทียบจากปีก่อนที่ Wella Professionals จะมาอยู่ในเครือโอซีซี กรุ๊ป"
สำหรับภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม คุณวรเทพ อัศวเกษม เผยว่า "หลังจากผ่านช่วงวิกฤต ของสถานการณ์โควิด-19 กำลังซื้อต่าง ๆ ฟื้นตัวกลับมาดีขึ้นตามลำดับ โดยปัจจัยที่ทำให้ตลาดผลิตภัณฑ์ดูแล เส้นผมกลับมาคึกคัก คือ เทรนด์แฟชั่นการแต่งตัวและการแต่งหน้าทำผมใหม่ ๆ จากต่างประเทศ ทั้งจากยุโรป ญี่ปุ่น และเกาหลี มีผลทำให้มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการในร้านทำผมมากขึ้นทุกวัน รวมทั้งซื้อผลิตภัณฑ์แฮร์แคร์กลับไปใช้ที่บ้านอีกด้วย โดยรายงานระดับโลก 'On Trend: The evolving beauty consumer' จาก Kantar บริษัทวิจัยชั้นนำด้านข้อมูลเชิงลึกและที่ปรึกษาทางการตลาดระดับโลก พบว่า ผลิตภัณฑ์ครีมนวดผมและทรีตเมนต์ มีมูลค่าการขายเพิ่มขึ้น 7% ในปี 2021 (เมื่อเทียบกับปี 2020) และผลิตภัณฑ์พรีเมียมสำหรับดูแลปัญหาผมร่วงและรังแคเติบโตเร็วกว่าตลาดแชมพูโดยรวมถึง 5 เท่า โดยเติบโต 10% ในปี 2021 (Kantar, 2022)"
คุณวรเทพ อัศวเกษม กล่าวต่อว่า "ในการบริหารแบรนด์ของเรา เน้นชูจุดแข็ง 3 ด้าน ได้แก่ Innovation, Services และ Education เนื่องจาก Wella Professionals เป็นแบรนด์ที่ทรงพลัง (Power Brands) โดยมีผลิตภัณฑ์ในความดูแลมากกว่า 400 รายการ ทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแล กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการจัดแต่ง กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการดัดลอน และกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับทำสี ซึ่งถูกคิดค้นและสร้างสรรค์ด้วย Innovation ที่ตอบโจทย์และครอบคลุมทุกความต้องการของกลุ่มลูกค้าซาลอนและผู้บริโภค รวมถึงมีเอกลักษณ์เฉพาะที่เหนือคู่แข่งในตลาด อย่างเช่นแบรนด์ Koleston Perfect (โคลเลสโตน เปอร์เฟค) ที่มียอดการจำหน่าย 1 หลอด ในทุกวินาทีทั่วโลก หรือแบรนด์ NIOXIN (ไนอ๊อกซิน) แบรนด์ผลิตภัณฑ์สำหรับผมร่วงผมบาง ที่ได้รางวัลการันตีอันดับ 1 จาก STYLIST CHOICE AWARD ต่อเนื่องถึง 16 ปีซ้อน เป็นต้น เรามองว่าจุดแข็งตรงนี้ จะทำให้แบรนด์เติบโตได้"
ในด้าน Services และ Education ของแบรนด์ Wella Professionals เน้นการบริการที่ส่งเสริมและสนับสนุนความคิดสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับวงการช่างผมมืออาชีพทั่วประเทศไทย โดยการพัฒนาทักษะความรู้ด้านแฟชั่นผม พร้อมทั้งให้ความรู้ในการทำการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงสอนวางแผนพัฒนาร้านซาลอนให้เทียบเท่ากับร้านทำผมในต่างประเทศ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับการบริการ ที่พรีเมี่ยมยิ่งขึ้น และเพื่อสร้างพันธมิตรทางธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน และขยายฐานกลุ่มลูกค้าซาลอนในประเทศไทยให้กลับมาคึกคักหลังพิษโควิด
กลยุทธ์การตลาดในปีแรก คุณวรเทพ เผยว่า "เราจะโฟกัสทำการตลาดกับกลุ่มผลิตภัณฑ์สีผมก่อนเป็นอันดับแรก เนื่องจากมีสัดส่วนทางการตลาดมากที่สุดในช่องทางจำหน่ายในร้านซาลอน โดย Salon Services First Mindset คือ กลยุทธ์หลักของเรา ที่มุ่งเน้นการสร้างบริการด้านผลิตภัณฑ์สีผมใหม่ ๆ ให้กับร้านซาลอน โดยครอบคลุมกลุ่มลูกค้า End Consumer ที่มีความต้องการที่แตกต่างกัน เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้ลูกค้าผ่านผลิตภัณฑ์คุณภาพมาตรฐานระดับโลกของเรา
นอกจากนี้ เราจะสร้างกระแสเทรนด์สีผมใหม่ ๆ และคอนเทนต์ใหม่ ๆ ผ่านตัวแทนคนรุ่นใหม่ อาทิ Celebrity, Influencer, Blogger และ Net Idol อีกทั้งยังเน้นการสื่อสารผ่าน Hair Stylists และ Young Artists ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับช่างผมไทย ในการเป็นผู้นำแทรนด์แฟชั่นผมให้กับ End Consumer ด้วย"
"สำหรับช่องทางการจัดจำหน่ายของแบรนด์ WELLA PROFESSIONALS ในประเทศไทย กว่า 80-90% จัดจำหน่ายและให้บริการในช่องทางร้านซาลอนระดับ A และ A+ เท่านั้น ส่วนผลิตภัณฑ์แฮร์แคร์ และผลิตภัณฑ์บำรุงหนังศีรษะ จะจัดจำหน่ายผ่านช่องทางต่าง ๆ ด้วย อาทิ Retail Drug Store, Beauty Stores, Online Channel เป็นต้น" คุณวรเทพ กล่าว
สามารถติดตามข้อมูล ข่าวสาร เทรนด์แฟชั่นผมที่ล้ำสมัย รวมถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่น่าสนใจของแบรนด์ Wella Professionals ได้ที่ Facebook และ Instagram @wellapro.thailand