"ปวดหัว" เป็นอาการที่พบได้บ่อยในคนทุกเพศทุกวัย ด้วยเพราะสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดหัวนั้นมีหลากหลาย เช่น เครียด พักผ่อนน้อย ค่าสายตาเปลี่ยน ไซนัสอักเสบ หรือแม้แต่อาการเกร็งของกล้ามเนื้อต้นคอและไหล่ ซึ่งพบได้มากในกลุ่มคนวัยทำงาน แต่โดยปกติอาการปวดหัวส่วนใหญ่จะหายไปเองภายในระยะเวลาไม่นาน และไม่ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันมากนัก
แต่!..ถ้าใครที่ปวดหัวแล้วพบว่ามีอาการผิดสังเกต 3 ข้อต่อไปนี้ ให้สงสัยไว้ก่อนว่าอาจมีความผิดปกติบางอย่างในสมอง และควรไปพบแพทย์ตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุแท้จริง เพื่อจะได้รักษาอย่างตรงจุด
- ปวดหัวเรื้อรัง มีอาการปวดหัวมากกว่า 15 วันต่อเดือน อย่างน้อย 3 เดือนติดต่อกัน ซึ่งมักเป็นอาการเริ่มต้นของเนื้องอกในสมองที่กำลังพัฒนาขนาด คือมีขนาดใหญ่ขึ้นจนทำให้แรงดันในสมองสูงขึ้น และแสดงออกในลักษณะของอาการปวดหัว
- อาเจียน โดยเฉพาะการอาเจียนในตอนเช้า ถือเป็นหนึ่งในอาการร่วมสำคัญที่ควรรีบพบแพทย์ทันที เพราะอาจมีความผิดปกติจากสมอง ที่ไม่ได้เกิดจากความเครียดตามปกติ
- ท่าทางการเคลื่อนไหว หรือการสื่อสารผิดปกติ เกิดจากมีก้อนเนื้องอกไปกดทับ หรือเบียดสมองส่วนที่ทำหน้าที่ควบคุมระบบต่างๆ โดยแต่ละคนจะมีอาการแสดงแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าก้อนเนื้องอกเกิดขึ้นในสมองส่วนที่ทำหน้าที่อะไร เช่น บางคนอาจพูดไม่ได้ แขนขาอ่อนแรงหรือชา การทรงตัวผิดปกติ หรือบางคนมีอาการชัก ทั้งที่ไม่เคยมีประวัติการชักมาก่อน
** เพราะ "เนื้องอกในสมอง" ไม่มีสาเหตุการเกิดที่แน่ชัด แต่ทันทีที่มีอาการ สิ่งสำคัญคือการไปพบแพทย์เพื่อตรวจให้รู้ว่าความผิดปกติที่เกิดขึ้นเกิดจากอะไร ซึ่งการตรวจสแกนสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) จะช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจนว่ามีเนื้องอกหรือความผิดปกติอื่นๆ เกิดขึ้นที่สมองหรือไม่ และวางแผนการรักษาได้อย่างถูกต้องเหมาะสม..
เนื้องอกในสมอง รักษาได้ไหม? คลิกอ่าน >> https://www.ram-hosp.co.th/news_detail/519