RT เผยทิศทางครึ่งปีหลัง 65 มุ่งเน้นกลยุทธ์บริหารโครงการก่อสร้าง ควบคู่จัดการต้นทุนวัสดุ-แรงงานก่อสร้าง เดินหน้าประมูลงานโครงการภาครัฐและเอกชนต่อเนื่อง มั่นใจ Backlog ตามเป้า 8,500 ล้านบาท พร้อมออกหุ้นกู้ฯ เพื่อใช้ลงทุนในโครงการใหม่ เป็นเงินทุนหมุนเวียนโครงการก่อสร้าง และเพื่อชำระเงินกู้กับสถาบันทางการเงิน กำหนดจองซื้อวันที่ 8-10 ส.ค. 65 และเสนอขายวันที่ 11 ส.ค. 65
นายชวลิต ถนอมถิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ RT ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านวิศวกรรมโยธาและธรณีเทคนิค เปิดเผยว่า ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤติซ้อนวิกฤติของภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างที่ส่งผลยาวนานจนถึงปัจจุบัน บริษัทมุ่งมั่นดำเนินงานโครงการให้มีความรวดเร็ว เพื่อสามารถส่งมอบงานตามกำหนดเวลาอย่างมีมาตรฐาน ควบคู่กับการปรับกลยุทธ์จัดการต้นทุนก่อสร้าง โดยการติดตามสถานการณ์และประเมินแผนการใช้วัสดุก่อสร้างเป็นระยะ รวมถึงการเจรจากับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อวางแผนจัดซื้อวัสดุก่อสร้างล่วงหน้า ซึ่งส่งผลให้บริษัทสามารถควบคุมต้นทุนการก่อสร้างได้ดีขึ้น
โดย ณ วันที่ 31 มี.ค. 2565 บริษัทมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ 4,782 ล้านบาท มีสัดส่วนรายได้แบ่งตามประเภทงาน ประกอบด้วย งานก่อสร้างอุโมงค์และโครงสร้างใต้ดิน 42.73%, งานก่อสร้างเขื่อนและระบบชลประทาน 32.52%, งานก่อสร้างท่อลอดใต้ดินวิธีดันท่อและวิธีเจาะและดึงท่อ 14.92%, และ งานอื่นๆ 9.83% อาทิ งานก่อสร้างถนน, งานเจาะสำรวจธรณีวิทยา และงาน Slope Protection เป็นต้น
สำหรับทิศทางการดำเนินงานครึ่งปีหลัง 2565 คาดว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากปัจจัยที่เป็นผลกระทบจากการ แพร่ระบาดของโควิด-19 และ สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่มีผลต่อการดำเนินงานเริ่มมีแนวโน้มคลี่คลาย อาทิ ราคาวัสดุก่อสร้างและน้ำมันปรับตัวลดลง แรงงานก่อสร้างเริ่มกลับมาทำงานได้ตามปกติ ส่งผลให้โครงการก่อสร้างเริ่มกลับมาดำเนินงานได้ตามแผนที่วางไว้ และทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงของธุรกิจอย่างใกล้ชิดพร้อมทั้งปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และมุ่งเน้นการบริหารจัดการแรงงานก่อสร้างทั้งไทยและต่างชาติ ทั้งด้านขั้นตอนการดำเนินงานในไซต์ก่อสร้าง ด้านปริมาณและการขนย้ายแรงงาน เพื่อรองรับงานโครงการก่อสร้างใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนการเข้าประมูลงานทั้งงานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐที่กำลังจะเปิดการประมูลในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 และงานก่อสร้างที่ต่อยอดจากการเป็นผู้รับเหมาช่วง (Subcontract) อาทิ งานประเภท อุโมงค์, งานประเภทเขื่อน และ ระบบชลประทาน, งานท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดิน, งานก่อสร้าง Slope Protection รวมถึงโครงการก่อสร้างภาคเอกชน เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้ารับงานของบริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นงานที่มี มาร์จิ้นสูง เนื่องจากเป็นงานที่ต้องอาศัยความรู้ความสามารถจากบริษัทที่มีประสบการณ์และความชำนาญพิเศษ
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเข้ารับงานประเภทโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงไตรมาส 4/2565 และจะเริ่มรับรู้รายได้จากงานดังกล่าวในปี 2566
"บริษัทได้ผ่านช่วงต่ำสุดของธุรกิจมาแล้ว เชื่อว่าการดำเนินธุรกิจครึ่งปีหลังจะมีแนวโน้มที่ดี จากงานที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะงานโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของภาครัฐที่กำลังอยู่ระหว่างการเจรจา คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงไตรมาส 3/2565 นอกจากนี้ ยังมีงานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่อีกหลายงานที่กำลังจะเปิดการประมูล มั่นใจว่าด้วยศักยภาพของบริษัทจะส่งผลให้สามารถเข้าประมูลและรับงานดังกล่าวได้ คาดว่างานต่างๆที่ได้รับจะทำให้บริษัทมีมูลค่างานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ทั้งหมดในปีนี้ อยู่ที่ 8,500 ล้าน โดยทยอยรับรู้รายได้ถึงปี 2567 ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท" นายชวลิต กล่าวเพิ่มเติม
ทั้งนี้ บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นกู้ระยะยาว ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ โดยผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนดหุ้นกู้ จำนวน 2 ชุด ได้แก่ หุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2565 ชุดที่ 1 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2569 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอน" ("หุ้นกู้ชุดที่ 1") มีอายุ 3 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ ร้อยละ 5.25 ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้
และ หุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2565 ชุดที่ 2 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2570 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอน" ("หุ้นกู้ชุดที่ 2") มีอายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ ร้อยละ 5.75 ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ โดยหุ้นกู้ทั้ง 2 ชุดเสนอขายรวมกันเป็นมูลค่าไม่เกิน 1,000 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์การใช้เงินเพื่อเป็นเงินลงทุนในโครงการก่อสร้างใหม่ที่บริษัทมีการเข้าประมูลและรับงานอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเป็นเงินทุนหมุนเวียนของกิจการและโครงการก่อสร้าง และการชำระเงินกู้กับสถาบันทางการเงิน
ด้านนายสุริยา ธรรมธีระ รองกรรมการผู้จัดการบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า บริษัทมองเห็นถึงศักยภาพและการเติบโตของ RT ที่กำลังเตรียมความพร้อมเข้ารับงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลุ่มลูกค้าของ RT เป็นกลุ่มลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชนขนาดใหญ่ที่มีความมั่นคง
อีกทั้ง RT ยังได้รับการจัดอันดับจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ด้วยเรทติ้ง 'BBB-' แนวโน้มอันดับเครดิต 'Stable' หรือ 'คงที่' ซึ่งแสดงถึงความน่าเชื่อถือของธุรกิจ รวมถึงการเป็นผู้นำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเฉพาะทาง มีความสามารถในการแข่งขันที่แข็งแกร่ง รวมถึงผลงานอุโมงค์และโครงสร้างใต้ดินที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชนมาโดยตลอด จึงทำให้หุ้นกู้ของ RT เป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่มีความน่าสนใจ ทั้งอัตราดอกเบี้ยและการจ่ายดอกเบี้ย และเป็นตัวเลือกที่ดีเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์การลงทุนอื่นๆ
ขณะที่ นายฐิติพัฒน์ ทวีสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่าย Corporate Finance Solutions & REIT บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ กล่าวว่า การเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้เป็นการเสนอขายให้แก่กลุ่มผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ (Institutional and High Net Worth Investor: II&HNW) และมีผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ด้านนายทะเบียนหุ้นกู้มี ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และผู้แทนผู้หุ้นกู้ คือ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งขณะนี้มีกลุ่มผู้ลงทุนให้ความสนใจเป็นอย่างดี และบริษัทจะมีการพบปะกลุ่มผู้ลงทุนเพื่อประชาสัมพันธ์รายละเอียดหุ้นกู้ให้ทราบต่อไป โดยกำหนดวันจองซื้อในช่วงระหว่างวันที่ 8-10 ส.ค. 2565 และเสนอขายหุ้นกู้ในวันที่ 11 ส.ค. 2565