AIS ไทยลีก และ WMS มอบเหรียญรางวัลจากขยะอิเล็กทรอนิกส์ เหรียญแรกแห่งวงการฟุตบอลไทยในงาน FA Thailand Awards ตอกย้ำเป้าหมาย "Green ไทยลีก" บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ประเดิม คว้ารางวัล FOOTBALL CLUB E-WASTE CHALLENGE AWARD สุดยอดสโมสรฟุตบอลรักษ์โลกประจำฤดูกาล
สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดงานประกาศเกียรติคุณให้กับบุคคลผู้สร้างผลงานดีเด่นในวงการฟุตบอลไทยด้านต่างๆ FA Thailand Awards 2021/22 โดยงานนี้ AIS และ ไทยลีก ร่วมเป็นหนึ่งในผู้ตัดสินและมอบรางวัล FOOTBALL CLUB E-WASTE CHALLENGE AWARD ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้กับสโมสรฟุตบอลในไทยลีก 1 ทั้ง 16 สโมสร ที่สามารถรวบรวมขยะอิเล็กทรอนิกส์หรือ E-Waste ได้มากที่สุดจากกิจกรรมแฟนบอลไทยไร้ E-Waste ความพิเศษของรางวัลนี้คือการนำขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้จากแฟนบอลไปทำเป็นเหรียญรางวัลเกียรติยศที่ผลิตขึ้นจากขยะอิเล็กทรอนิกส์เหรียญแรกของไทย ซึ่งสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นสโมสรที่สามารถรวมรวบขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้มากสุด คว้ารางวัล FOOTBALL CLUB E-WASTE CHALLENGE AWARD ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของวงการฟุตบอลไทย ถือเป็นก้าวที่สำคัญสู่การต่อยอดแนวคิด "Green ไทยลีก" ให้เกิดการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในวงการฟุตบอลและไทยลีก ต่อไป
นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยลีก จำกัด กล่าวว่า "เราขอแสดงความยินดีกับทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่สามารถคว้ารางวัล FOOTBALL CLUB E-WASTE CHALLENGE AWARD ซึ่งประกาศขึ้นเป็นครั้งแรกในงาน FA Thailand Awards อย่างที่เคยเน้นย้ำความตั้งใจของไทยลีกต่อจากนี้ คือการยกระดับสู่การเป็น Green ไทยลีก การมอบรางวัลดังกล่าวถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการต่อยอดและขยายผลให้ฟุตบอลไทยลีกในทุกดิวิชั่น ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนในทุกด้าน โดยเฉพาะการร่วมกันดูแลสิ่งแวดล้อม ผ่านการมีส่วนร่วม ระหว่าง สโมสร นักกีฬา แฟนบอล สปอนเซอร์ และพันธมิตรภาคส่วนต่างๆ"
นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหาร กลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS กล่าวว่า "เราขอขอบคุณทางสโมสรไทยลีก 1 ทั้ง 16 สโมสร และพลังของแฟนบอล ที่ให้ความร่วมมือและแสดงออกถึงความตั้งใจในการมีส่วนร่วมกับการแข่งขันนอกสนาม ในการร่วมกันทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธี โดยรางวัล FOOTBALL CLUB E-WASTE CHALLENGE AWARD ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่จะเชื่อมต่อภาคส่วนต่างๆ ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการให้ความสำคัญกับการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ พวกเราชาว AIS ขอแสดงความยินดีกับสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่คว้ารางวัลนี้ไปครองได้สำเร็จ เราเชื่อว่ารางวัลดังกล่าวจะเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนที่สำคัญสู่การสร้าง Green ไทยลีกควบคู่ไปกับการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการฟุตบอลไทยสู่การแข่งขันที่ยั่งยืนไปด้วยกัน"
นางสาวสมาพร ผลบุตร ผู้อำนวยการสายงานฟุตบอล สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กล่าวว่า "ในฐานะตัวแทนสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เรารู้สึกยินดีและภูมิใจอย่างมากที่สามารถคว้ารางวัลเกียรติยศนี่มาครองได้ ทั้งนี้ที่ผ่านมาทางสโมสรได้ให้ความสำคัญกับมิติของสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด ซึ่งการเป็นส่วนหนึ่งในการรับขยะอิเล็กทรอนิกส์เพื่อนำไปกำจัดอย่างถูกวิธีก็เป็นหนึ่งเป้าหมายที่สำคัญที่ทางสโมสรพร้อมร่วมขับเคลื่อนและทำงานกับทุกภาคส่วน และก้าวเดินต่อจากสโมสรของเราก็พร้อมเป็นส่วนสำคัญของวงการฟุตบอลไทยที่จะช่วยสร้างการพัฒนาอย่างรอบด้านทั้งกีฬา, เศรษฐกิจ, การท่องเที่ยว และสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืนต่อไป"
รางวัล FOOTBALL CLUB E-WASTE CHALLENGE AWARD เป็นรางวัลที่ให้สโมสรไทยลีก 1 จำนวน 16 ทีม เข้าร่วมการแข่งขัน โดยทีมที่สามารถรวบรวมขยะอิเล็กทรอนิกส์จากแฟนบอล ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ/แท็บเล็ต สายชาร์จ หูฟัง พาวเวอร์แบงก์ แบตเตอรี่มือถือ ได้มากที่สุดก็จะคว้ารางวัลนี้ไปครอง โดยปีนี้ สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สามารถคว้ารางวัลดังกล่าวนี้ไปได้ ได้รับเหรียญที่ผลิตจากขยะอิเล็กทรอนิกส์ โดยบริษัท เวสท์ แมเนจเม้นท์ สยาม จำกัด หรือ WMS ได้นำขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่รวบรวมจากโครงการ "แฟนบอลไทยไร้ E-Waste"เช้าสู่กระบวนการคัดแยกเพื่อการรีไซเคิลอย่างถูกต้องตามมาตรฐานสากล ในส่วนของโลหะมีค่าที่เป็นองค์ประกอบของขยะอิเลคทรอนิกส์เช่น ทอง เงิน ทองแดง จะถูกส่งไปเข้าสู่กระบวนการหลอมที่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อสกัดออกมาเป็นโลหะทอง หรือ เงิน และนำไปผลิตเป็นเหรียญรางวัลด้วยเทคโนโลยีเดียวกับการผลิตเหรียญโตเกียว โอลิมปิกส์ทั้งนี้ สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถือเป็นสโมสรไทยสโมสรแรกที่คว้าเหรียญรางวัลประวัติศาสตร์นี้ไปครอบครองได้สำเร็จ
เกี่ยวกับ AIS
บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ผู้นำด้าน Digital Life Service Provider อันดับ 1 ที่มีคลื่นความถี่ในการให้บริการมากที่สุดรวม 1420 MHz และมีจำนวนผู้ใช้งานมากที่สุดกว่า 44.6 ล้านเลขหมาย (ณ มีนาคม 2565) พร้อมขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยเทคโนโลยี 5G ที่ครบ 77 จังหวัดแล้วเป็นรายแรกผ่าน 3 สายธุรกิจ ได้แก่ โทรศัพท์เคลื่อนที่, อินเทอร์เน็ตบ้านความเร็วสูงภายใต้แบรนด์ AIS Fibre และบริการดิจิทัล 5 ด้าน ได้แก่ วิดีโอ คลาวด์ ดิจิทัลเพย์เมนท์ อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง (IoT) และบริการร่วมกับพาร์ทเนอร์ตลอดจนขยายสู่กลุ่มธุรกิจใหม่ อาทิ AIS eSports, AIS Insurance Service ทั้งหมดนี้เพื่อสนับสนุนความแข็งแกร่งด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศขยายขีดความสามารถของภาคอุตสาหกรรม และยกระดับ คุณภาพชีวิตของคนไทยไปพร้อมกัน พบกับเราได้ที่ www.ais.th