'บมจ.พริมา มารีน' หรือ PRM ประเมินทิศทางครึ่งปีหลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ชูศักยภาพพอร์ตกองเรือแข็งแกร่ง รับจังหวะเศรษฐกิจฟื้นตัวหลังภาครัฐเปิดประเทศ และกิจกรรมการสำรวจและผลิตน้ำมันในอ่าวไทยที่ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง มั่นใจครึ่งปีหลังเรือขนส่งปิโตรเลียมระหว่างประเทศและธุรกิจ Offshore เติบโตเด่น โดยมีเรือลำใหม่เริ่มให้บริการแก่ลูกค้าแล้ว ขณะที่กลุ่มธุรกิจเรือขนส่งในประเทศยังคงมีอัตราการใช้เรืออยู่ในระดับสูงสอดรับกับการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว รวมถึงธุรกิจ FSU ยังคงมีรายได้สม่ำเสมอ หนุนภาพรวมทั้งปีเติบโตตามแผน
นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM ผู้ให้บริการขนส่งและจัดเก็บผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และปิโตรเคมีเหลวทางเรือรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เปิดเผยถึง ทิศทางดำเนินงานในครึ่งปีหลังของ PRM ว่าจะมุ่งสร้างการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ ด้วยจุดแข็งพอร์ตกองเรือขนาดใหญ่และหลากหลาย ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการให้บริการแก่ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น โดยกลุ่มธุรกิจแกนหลักในปีนี้ยังคงเป็น กลุ่มธุรกิจเรือขนส่งระหว่างประเทศมีทิศทางการเติบโตอย่างมั่นคง หลังจากบริษัทฯ ได้เริ่มให้บริการเรือ VLCC แก่ลูกค้ากลุ่มไทยออยล์เพิ่มเติมอีก 1 ลำ ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมิถุนายนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้ปัจจุบันมีเรือ VLCC ให้บริการแก่กลุ่มไทยออยล์รวมทั้งสิ้นจำนวน 2 ลำ ภายใต้สัญญา Time Charter ระยะเวลา 10 ปี
นอกจากนี้ จากการที่กิจกรรมการสำรวจและผลิตน้ำมันในอ่าวไทยยังอยู่ในช่วงขยายตัว จึงทำให้ความต้องการใช้เรือ Offshore เพื่อสนับสนุนการสำรวจและผลิตน้ำมันในอ่าวไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ PRM คว้างานเรือ Accommodation Work Barge (เรือ AWB) เพื่อให้บริการแก่ ปตท.สผ. เพิ่มเติมอีก 1 ลำ ในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะทำให้กลุ่มธุรกิจเรือ Offshore Support ทั้งหมดซึ่งประกอบด้วยเรือ Crew Boat จำนวน 13 ลำ และเรือ AWB อีก 2 ลำ มีอัตราการใช้บริการ 100% ภายใต้สัญญา Time Charter ในช่วงครึ่งปีหลัง
ส่วนเรือขนส่งในประเทศยังคงได้รับประโยชน์จากการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงภายในประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยภายหลังเปิดประเทศ โดยธุรกิจเรือขนส่งภายในประเทศที่ปัจจุบันมีเรือให้บริการจำนวน 34 ลำ เป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย หลังจากมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้น
ในขณะที่กลุ่มธุรกิจเรือขนส่งและจัดเก็บ หรือเรือ FSU นั้น แม้สถานการณ์ราคาเชื้อเพลิงในตลาดโลกจะยังทรงตัวในระดับสูง แต่บริษัทฯ ได้มุ่งเน้นบริหารอัตราการใช้เรือให้มีประสิทธิภาพ พร้อมสร้างโอกาสจากการให้บริการผสมน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยเสริมรายได้จากกลุ่มธุรกิจดังกล่าวให้มีความสม่ำเสมอและผลักดันผลการดำเนินงานโดยรวมของ PRM ต่อไป
"เรามองว่าภาพรวมครึ่งปีหลังจะสร้างผลการดำเนินงานได้โดดเด่นกว่าครึ่งปีแรก ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ PRM ที่แข็งแกร่ง ทั้งจากความหลากหลายของพอร์ตกองเรือและการบริหารจัดการด้วยทีมงานมืออาชีพที่พร้อมสร้างการเติบโตในทุกจังหวะ ทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่าภาพรวมผลการดำเนินงานในปีนี้จะเติบโตได้ตามแผนที่วางไว้" นายวิริทธิ์พล กล่าว