กรุงเทพฯ--9 ก.ย.--โปรคอมมิวนิเคชั่นส์ แอนด์ คอนซัลแตนท์
ระดมทีมงานทุกฝ่ายเร่งถ่ายทำไปแล้วกว่า 30% ท่านมุ้ยสร้างสรรค์เอ็ฟเฟ็คท์อลังการแบบฉีกแนว พร้อมดึงมืออาชีพจากทรอยทำคอมพิวเตอร์กราฟิคให้ฉากรบยิ่งใหญ่สุดๆ เตรียมถ่ายฉากสำคัญที่เขาหลวง-เขาวังต่อ
“นเรศวร” ภาพยนตร์เรื่องยิ่งใหญ่แห่งปีภายใต้การกำกับของ “ท่านมุ้ย”-ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล ที่ใช้ทุนสร้างมหาศาลกว่า 500 ล้านบาท ขณะนี้ได้ดำเนินการถ่ายทำคืบหน้าไปแล้วกว่า 30% โดยท่านมุ้ยได้ระดมทีมงานทุกฝ่ายเดินหน้าเต็มกำลัง หลังจากที่ได้เตรียมงานด้านฉากและอุปกรณ์ประกอบฉาก ตระเวนหาสถานที่ถ่ายทำนอกเหนือจากฉากหลักที่ค่ายสุรสีห์ กาญจนบุรีรวมถึงการหาข้อมูลและเกร็ดประวัติศาสตร์เพิ่มเติมจากพงศาวดาร ตลอดจนแหล่งข้อมูลต่างๆ และปรับบทให้ลงตัวยิ่งขึ้น โดยวางแผนถ่ายทำฉากยากๆ หรือฉากรบที่สำคัญๆ ที่มีนักแสดงร่วมเข้าฉากนับร้อยนับพันคนให้เสร็จเรียบร้อยก่อน จากนั้นจึงทยอยถ่ายทำฉากย่อยอื่นๆ ต่อไป
ฉากที่ค่อนข้างยากและยิ่งใหญ่ของ “นเรศวร” มีหลายฉากที่กำลังถ่ายทำกันอยู่ในช่วงนี้ เช่น ฉากพระชัยบุรีเผาคูค่ายเมื่อกองทัพสุรกรรมาเพลี่ยงพล้ำ โดยพระชัยบุรีและพระศรีถมอรัตน์ใช้ปืนใหญ่ถล่มข้าศึก ฉากที่ออกพระราชมนู-ทหารเอกของพระนเรศวรลอบโจมตีกองทัพสุรกรรมาในช่องเขาแคบซึ่งไปถ่ายทำกันที่แก่งเสี้ยน เป็นฉากรบที่ดุเดือดยิ่งใหญ่และมีการใช้เอ็ฟเฟ็คท์หลากหลายรูปแบบ เช่น ระเบิดการจุดไฟเผาคูค่าย ลูกไฟขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นครั้งแรกของวงการภาพยนตร์ไทยในการทำเอ็ฟเฟ็คท์แนวนี้ อันเป็นผลงานการคิดสร้างสรรค์รูปแบบและการวางแผนของท่านมุ้ยเองทั้งหมดให้เหมาะสมที่สุด โดยศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลจากหนังสือหลายเล่มและทดลองทำจนได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
“เอ็ฟเฟ็คท์ลูกไฟนี้ก็ทำขึ้นจากก้อนฟางขนาดใหญ่ที่สานโครงไม้ไผ่หุ้มไว้และเคลือบด้วยชันเพื่อให้ติดไฟได้นาน น้ำหนักเบา และที่สำคัญคือประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก จากนั้นก็จะใช้คอมพิวเตอร์กราฟิคช่วยให้ดูยิ่งใหญ่อลังการน่าตื่นตาตื่นใจเพิ่มขึ้น โดยในส่วนของงานซีจีหรือคอมพิวเตอร์กราฟิคนั้นเราได้มืออาชีพอย่าง อเล็กซ์ บิคเนล (Alex Bicknell) ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์และซูเปอร์ไวเซอร์ด้านวิช่วลเอ็ฟเฟ็คท์จากเรื่องทรอย, เจมส์ บอนด์ (Die Another Day, The World is Not Enough) ฯลฯ มาช่วยดูแล ในส่วนของการถ่ายทำก็พยายามทำให้ดีที่สุด ตอนนี้ก็ลงตัวขึ้นเรื่อยๆ ถ่ายทำได้มากขึ้นทุกวัน โดยทุกฝ่ายให้ความร่วมมือกันเต็มที่” ท่านมุ้ยกล่าว
ด้าน หม่อมกมลา ยุคล ผู้อำนวยการสร้าง ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า ช่วงที่ผ่านมานักแสดงมีเวลาฝึกซ้อมมากขึ้น โดยเฉพาะการขี่ม้า ฟันดาบ และการต่อสู้ในรูปแบบต่างๆ ซึ่งทุกคนมีความตั้งใจมาก ขยันฝึกซ้อม ตอนนี้ก็มีความคล่องตัวสูง แสดงบทบาทการสู้รบบนหลังม้าได้ดี ทั้งเบิร์ด - ร.อ.วันชนะ สวัสดี (พระนเรศวร) ซึ่งเป็นทหารม้าอยู่แล้ว, ต๊อด - พ.ต. วินธัย สุวารี (พระเอกาทศรถ), ปีเตอร์ - นพชัย ชัยนาม (พระราชมนู), ทราย เจริญปรุ (เลอขิ่น), แอ๊ฟ - ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ (มณีจันทร์) และปราบ - ปราบปฎล สุวรรณปาน (พระชัยบุรี)
“การทำงานในภาพรวมก็เดินหน้าไปได้ดี โดยมี คุณเลียว-กิตติกร เลียวศิริกุล ผู้กำกับ พรางชมพู, เดอะเมีย ฯลฯ มาเป็นผู้ช่วยท่านมุ้ยด้วย งานก็เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ อุปสรรคสำคัญของการถ่ายทำตอนนี้ก็คือเรื่องดินฟ้าอากาศที่ทำให้เราต้องหยุดชะงักเป็นบางวัน ช่วงนี้การถ่ายทำที่แก่งเสี้ยนก็ใกล้เสร็จแล้ว ส่วนสถานที่ถ่ายทำหลักของเราที่ค่ายสุรสีห์ ในช่วงที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องน้ำแล้ง แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นและมีความคืบหน้าในการสร้างฉากค่อนข้างมาก ทั้งอยุธยาและพม่า รวมถึงฉากภายในสถานที่สำคัญอย่างพระที่นั่งสรรเพ็ชญ์ปราสาท และสีหาสนบัลลังก์ของเมืองหงสาวดี สำหรับฉากสำคัญอื่นๆ หลังจากนี้ที่จะถ่ายทำนอกค่ายสุรสีห์ ก็จะเป็นฉากสมเด็จพระนเรศวรยกทัพตีเมืองคัง ซึ่งจะไปที่เขาวังกับเขาหลวง-เพชรบุรี และถ้ำค้างคาว-ราชบุรี” หม่อมกมลากล่าว
ฉากที่สมเด็จพระนเรศวรนำทัพเข้าตีเมืองคังตามพระบัญชาของพระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงหลังครองราชย์สืบต่อจากพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง โดยมีรับสั่งให้พระมหาอุปราชา (มังชัยสิงห์) แห่งกรุงหงสาวดี, พระสังขทัต (นัดจินหน่อง) เมืองตองอู และสมเด็จพระนเรศวรแห่งกรุงศรีอยุธยา ร่วมกันนำทัพไปปราบเจ้าฟ้าไทยใหญ่เมืองคังที่มีท่าทีไม่สวามิภักดิ์ให้อยู่ภายใต้พระบารมีดังเดิม ซึ่งสะท้อนถึงพระปรีชาสามารถทางกลศึกของสมเด็จพระนเรศวร ทรงศึกษาภูมิศาสตร์ในการรบและหาลู่ทางเอาชนะได้
โดยฝ่ายไทยเสียไพร่พลน้อยที่สุด ทั้งยังสร้างความอับอายแก่พระมหาอุปราชาและพระสังขทัตเป็นอย่างยิ่งนี้ ได้มีการเตรียมงานถ่ายทำนอกสถานที่ที่เขาวัง-เขาหลวง โดย ประสพโชค ธนะเศรษฐวิไล ผู้ออกแบบงานสร้างและกำกับงานศิลป์ กล่าวว่า “ท่านมุ้ยเลือกทั้งสองที่นี้เพราะมีทำเลภูมิศาสตร์เหมาะสมที่สุด ใกล้เคียงกับสภาพชัยภูมิของเมืองคังตามที่ระบุไว้ในพงศาวดาร ซึ่งในการถ่ายทำส่วนนี้เราต้องทำฉากเพิ่มเยอะเพื่อเนรมิตเขาวังให้เป็นเมืองคัง ต้องออกแบบและสร้างฉากให้เป็นศิลปะแบบไทยใหญ่ครอบพระราชวังพระนครคีรีของเดิมที่มีอยู่ด้วยเทคนิคพิเศษแบบเดียวกับที่ใช้ในเรื่องลอร์ดออฟเดอะริง เพื่อป้องกันไม่ให้โบราณสถานชำรุดเสียหาย โดยขออนุญาตจากกรมศิลปากรเรียบร้อยแล้ว รอการติดตั้งและ ถ่ายทำ โดยใช้เทคนิคด้านคอมพิวเตอร์กราฟิคเข้าช่วยครับ”
สำหรับการฝึกซ้อมอย่างหนักของนักแสดงนั้น มีทั้งที่บาดเจ็บอย่าง เบิร์ด-ร.อ.วันชนะ สวัสดี (พระนเรศวร) ประสบอุบัติเหตุตกม้าเอ็นขาฉีก หมอให้พักถึง 3 เดือน แต่ก็ยังลุยซ้อมต่อด้วยแรงใจเกินร้อย ส่วนสาวน้อยผิวน้ำผึ้ง - ทราย เจริญปุระ (เลอขิ่น) กลับได้ผลดีจากการซ้อมหนัก คือ “ทรายแข็งแรงขึ้นเยอะเลยค่ะ ไม่เป็นภูมิแพ้แล้ว ต้องขอบคุณท่านมุ้ยจริงๆ ค่ะ”
ส่วน ปีเตอร์- นพชัย ชัยนาม (ออกพระราชมนู) ปลื้มกับวิธีการทำงานของท่านมุ้ยมาก “ท่านรู้จักนักแสดงที่ท่านเลือกอย่างลึกซึ้งถึงจิตใจ ให้เราเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด ท่านชอบเล่าบทให้ฟังมากกว่าที่จะให้เราอ่าน ท่านมีวิธีบอกเล่าและทำให้เห็นจริง และมีเทคนิคในการสร้างความรู้สึกในบทบาทที่เราแสดงได้ดีมากๆ ครับ”
ทุกฝ่ายเทใจพร้อมเคลื่อนพลไปกับการถ่ายทำของ “ท่านมุ้ย” อย่างเต็มที่ มั่นใจได้ว่า “นเรศวร” จะปลุกจิตสำนึกในความรักชาติ-หวงแผ่นดินที่บรรพบุรุษของเราปกป้องรักษาไว้ให้ พวกเราอย่างแน่นอน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์ “นเรศวร”
บริษัท โปรคอมมิวนิเคชั่นส์ แอนด์ คอนซัลแตนท์ จำกัด
โทร 0 2691 6302-4, 0 2274 4782
สามารถคลิกดูภาพข่าวได้ที่ www.thaipr.net--จบ--