'บมจ.ชริ้งเฟล็กซ์ (ประเทศไทย) หรือ SFT' หนึ่งในผู้นำการให้บริการ Labeling Solutions แบบครบวงจร ด้วยผลิตภัณฑ์ฉลากฟิล์มหดรัดรูปในภูมิภาคอาเซียน โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2565 ทำกำไรสุทธิ 23.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.85% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ หนุนครึ่งปีแรกทำกำไรสุทธิ 39.86 ล้านบาท หลังบริหารความเสี่ยงจากต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ พร้อมเดินหน้ารุกครึ่งปีหลังรับออเดอร์พุ่ง มั่นใจทำผลงานโดดเด่น
นายซุง ชง ทอย ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชริ้งเฟล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SFT หนึ่งในผู้นำการให้บริการ Labeling Solutions แบบครบวงจร ด้วยผลิตภัณฑ์ฉลากฟิล์มหดรัดรูปในภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยถึงภาพรวมการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาส 2/2565 (เมษายน-มิถุนายน) แม้มีความท้าทายจากการบริหารจัดการด้านต้นทุนการผลิตที่เร่งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อและกำลังซื้อของผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ สามารถบริหารจัดการเพื่อเอาชนะความท้าทายเพื่อขับเคลื่อนผลการดำเนินงานในไตรมาสนี้ให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวม 223.16 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 23.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.70% และ 38.85% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสก่อนหน้านี้
ความสำเร็จดังกล่าว มาจากการบริหารจัดการด้านการลดการสูญเสียในกระบวนการผลิต เพื่อควบคุมต้นทุนให้มีประสิทธิภาพตลอดจนการขยายฐานลูกค้ารายใหม่ๆ เข้ามาใช้บริการฉลากฟิล์มหดรัดรูปทั้งระบบการพิมพ์แบบดิจิทัลและระบบการพิมพ์แบบกราเวียร์ เพื่อใช้ศักยภาพการผลิตของบริษัทฯ ให้เกิด Economy of scale และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้การดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ (มกราคม-มิถุนายน) บริษัทฯ มีรายได้รวม 424.78 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 39.86 ล้านบาท
ส่วนภาพรวมการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง แม้ยังมีความเสี่ยงจากภาวะต้นทุนการผลิตยังคงทรงตัวในระดับสูง อย่างไรก็ตาม SFT มั่นใจว่าจะสามารถบริหารจัดการได้ดี และสามารถขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างผลการดำเนินงานที่ดี เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจมีทิศทางที่ดีขึ้นทำให้ลูกค้ามียอดออเดอร์ผลิตฉลากฟิล์มหดรัดรูปเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับตลาดภายในประเทศและส่งออก รวมถึงมุ่งขยายฐานลูกค้ารายใหม่ๆ เข้ามาใช้บริการเพิ่มเติม จึงมั่นใจว่าการดำเนินงานในครึ่งปีหลังจะขยายตัวมากกว่าในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เปิดเผยความคืบหน้าจากการเดินหน้าก่อสร้างโรงงานแห่งที่สองว่ายังเป็นไปตามแผน ซึ่งจะสามารถนำเครื่องจักรเข้ามาติดตั้งได้ภายในช่วงต้นไตรมาส 4 ปีนี้ ทั้งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อม และรองรับการเติบโตด้านการผลิต และการขยายตลาดไปสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ๆในปี 2566-2567 ที่จะช่วยสนับสนุน SFT ให้เติบโตอย่างยั่งยืน
"ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 สะท้อนถึงศักยภาพการผลิตและการบริหารจัดการที่มีประสิทธิเพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงจากปัจจัยลบที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดีและเชื่อมั่นว่า ในครึ่งปีหลังที่เรามีแผนงานขยายฐานลูกค้ารายใหม่ๆ เพิ่มเติม จะผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรกอย่างแน่นอน" นายซุง ซง ทอย กล่าว