ธนาคารทิสโก้เปิดรายชื่อกองทุนเด็ด คาดกำไรโตแข็งแกร่งไม่หวั่นเศรษฐกิจถดถอย แถมราคายังน่าสนใจลงทุน แบ่งเป็น 4 ธีมกองทุนน่าช้อนซื้อ ได้แก่ 1. ธีมกองทุนหุ้นนวัตกรรมการแพทย์ 2. ธีมกองทุนหุ้นเทคโนโลยีแห่งอนาคต 3. ธีมกองทุนหุ้นเติบโตสูง 4. ธีมกองทุนหุ้นดาวเด่นของเอเชีย
นางวรสินี เศรษฐบุตร ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์กองทุน และสื่อสารการตลาด สายธุรกิจธนบดี ธนาคารทิสโก้ เปิดเผยว่า หลังจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค ขณะที่ราคาหุ้นหลายกลุ่มได้ปรับตัวลงมารับข่าวจนราคาน่าสนใจ จึงเป็นโอกาสที่ดีที่นักลงทุนจะเริ่มกลับมามองหาหุ้นที่กำไรมีศักยภาพในการเติบโตท่ามกลางวิกฤต สามารถลงทุนเพื่อรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว โดยก่อนหน้านี้ธนาคารทิสโก้แนะนำให้นักลงทุนใน 2 ธีมการลงทุนหลักคือ 1.ธีมกองทุนหุ้นนวัตกรรมการแพทย์ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจเฮลธ์แคร์ และ2. ธีมกองทุนหุ้นเทคโนโลยีแห่งอนาคต เนื่องจาก อัตราการเติบโตของกำไรในระยะยาว (CAGR) ของกลุ่มเฮลธ์แคร์และกลุ่มเทคโนโลยี ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาเติบโตในระดับ 10.2% และ 10% ตามลำดับ สูงกว่าตลาดหุ้นรวม (S&P500) ที่ 6.9% ต่อปี และกำไรของหุ้นทั้งสองกลุ่มยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่องแม้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (ที่มา: บลูมเบิร์ก 26 ก.ค. 65)
และในปัจจุบันธนาคารทิสโก้มองว่ามีอีก 2 ธีมการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับลงทุนในช่วงนี้คือ 3. ธีมกองทุนหุ้นเติบโตสูง และ 4. ธีมกองทุนหุ้นดาวเด่นของเอเชีย โดยหุ้นกลุ่มเติบโตสูงที่มีโอกาสขึ้นมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมต่างๆ ในช่วง 5 - 10 ปีข้างหน้า กลับมาน่าสนใจอีกครั้ง เพราะราคาได้ปรับลดมาจนน่าเข้าลงทุน ขณะที่แรงกดดันในด้านต้นทุนทางการเงินของกลุ่มหุ้นเติบโตกำลังหมดไป เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวอายุ 10 ปีของสหรัฐฯ ได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว อีกทั้งคาดว่าอัตราเงินเฟ้อน่าจะเริ่มชะลอตัวลงในทิศทางเดียวกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เริ่มปรับตัวลดลงตามตัวเลขเศรษฐกิจด้วย
สำหรับธีมกองทุนหุ้นดาวเด่นของเอเชีย ธนาคารทิสโก้มองว่าหุ้นจีน เวียดนาม และอินโดนีเซีย เป็นตลาดดาวเด่นน่าลงทุน เนื่องจาก ทั้ง 3 ประเทศมีโอกาสน้อยที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย เพราะผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ยังอยู่ในระดับเติบโต โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ก.ค. 65) คาดว่าปี 2565 เศรษฐกิจเวียดนามจะเติบโต 6% เศรษฐกิจอินโดนีเซียจะเติบโต 5.3% และเศรษฐกิจจีนจะเติบโต 3.3%
ขณะที่มูลค่าหุ้นยังไม่แพงเมื่อเทียบกับโอกาสการเติบโตของกำไรและมีระดับราคาหุ้นเทียบกับคาดการณ์กำไรในอนาคต (Fwd P/E) ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีทุกตลาด โดยข้อมูลจากบลูมเบิร์ก (ข้อมูล ณ วันที่ 4 ส.ค.65) ระบุว่า ตลาดหุ้นจีน (CSI 300) มีระดับ Fwd P/E อยู่ที่ 13.18 เท่า ขณะที่ค่าเฉลี่ย Fwd P/E 5 ปีอยู่ที่ 13.6 เท่า ตลาดหุ้นเวียดนาม (VN-Index) มีระดับ Fwd P/E อยู่ที่ 12 เท่า ขณะที่ค่าเฉลี่ย Fwd P/E 5 ปีอยู่ที่ 15.9 เท่า และตลาดหุ้นอินโดนีเซีย (JCI) มีระดับ Fwd P/E อยู่ที่ 16.67 เท่า ขณะที่ค่าเฉลี่ย Fwd P/E 5 ปีอยู่ที่ 17.06 เท่า
โดยสรุป ธนาคารทิสโก้มองว่า หากตลาดหุ้นย่อตัวในช่วงนี้ เป็นจังหวะเหมาะสำหรับการเลือกลงทุนในธุรกิจที่กำไรมีโอกาสเติบโตสูง แม้ในช่วงเศรษฐกิจอยู่ในภาวะถดถอย และราคาหุ้นอยู่ในระดับที่น่าสนใจ ซึ่งธนาคารทิสโก้มองว่ามี 4 ธีมที่น่าลงทุน และมีกองทุนรวมเด่นที่น่าสนใจ ดังนี้
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน ติดต่อสอบถามรายละเอียด หรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือ TISCO Contact Center โทร. 02-633-6000 กด 2 กด 4