บมจ.เวิลด์เฟล็กซ์ (WFX) โชว์ผลงานขั้นเทพ ไตรมาส 2/65 กำไรพุ่งแตะ 73.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.84% เทียบจากงวดเดียวกันปีก่อน รายได้พุ่งแตะ 1,006.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.54% ลุยขยายกำลังการผลิตเฟสแรกเสร็จตามแผน ฟาก เอ็มดี "ณัฐ วงศาสุทธิกุล"ฉายภาพครึ่งปีหลังโตแกร่ง บุกตลาดแบบตรงเข้าสู่ End Users กลุ่มใหม่ๆ ในทวีปเอเชีย ยุโรปและอเมริกาใต้ อย่างต่อเนื่อง พร้อมเร่งขยายกำลังผลิตเฟสสอง รองรับออเดอร์ล่วงหน้าที่จ่อล้นทะลัก มั่นใจผลงานปีนี้เข้าเป้าโต 10-15% ทุบสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
นายณัฐ วงศาสุทธิกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวิลด์เฟล็กซ์ จำกัด(มหาชน) (WFX) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/65 ของบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 73.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.84% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรอยู่ที่ 55.19 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 1,006.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.54% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 902.43 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการขยายกำลังการผลิตในเฟสแรกเสร็จสมบูรณ์เป็นไปตามแผน ส่งผลให้มีปริมาณการจำหน่ายสูงขึ้น โดยมีกำลังการผลิต เพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถผลิตและจำหน่ายเส้นด้ายยางยืดที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านขนาดและคุณภาพที่แตกต่างกันไป อีกทั้งบริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายสินค้าให้แก่กลุ่มลูกค้าประเภท End user เพิ่มขึ้น
ส่วนผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกของปี 2565 มีรายได้รวม 2,144.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.23% และมีกำไรสุทธิ 185.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 94.20% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน
"มั่นใจว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งหลังของปีนี้ จะเติบโตต่อเนื่อง หลังรัฐบาลประกาศนโยบายเปิดประเทศ ส่งผลให้อุตสาหกรรมสิ่งทอเริ่มฟื้นตัว จากความต้องการยางยืดสำหรับสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม ที่มากขึ้น รวมทั้งอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่กลับมาฟื้นตัว ทำให้มีความต้องการสินค้าที่หลากหลายตอบรับกับแผนขยายกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของเส้นด้ายยางยืดเคลือบแป้ง และเคลือบซิลิโคน ผลักดันยอดขายเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว อีกทั้ง บริษัทฯ เดินหน้าตามแผนบุกตลาด End Users กลุ่มใหม่ๆ ในประเทศตุรเคีย และอิตาลี เป็นโซนแรก ตามด้วยกลางเดือนสิงหาคมนี้ จะเริ่มบุกตลาดในบังคลาเทศ ให้มากขึ้น เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ " นายณัฐกล่าว
กรรมการผู้จัดการ WFX กล่าวอีกว่า มั่นใจว่ารายได้รวมในปีนี้จะเติบโต 10-15% จากปีก่อน สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นโดยในเฟสแรกที่เสร็จ 100% เป็นไปตามแผน ขณะที่เฟสที่สองจะเร่งให้แล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2565 ส่งผลให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นทั้ง 2 เฟส รวมอยู่ที่ประมาณ 20-30% จากปัจจุบันอยู่ 36,000 ตันต่อปี เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่มีเข้ามาอย่างล้นทะลัก