SKR ไตรมาส 2/65 กำไรพุ่ง 17% ควัก 165 ล้านบาท เคาะจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.08 บาท

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday August 11, 2022 09:26 —ThaiPR.net

SKR ไตรมาส 2/65 กำไรพุ่ง 17%  ควัก 165 ล้านบาท เคาะจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.08 บาท

SKR โชว์ผลงานไตรมาส 2/65 รายได้รวม 1,348.70 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 171.73 ล้านบาท เติบโต 17.14% หลังยอดคนไข้โรคเฉพาะทางที่ต้องผ่าตัดเพิ่มขึ้น รวมถึงการออกตรวจสุขภาพในงานโครงการภาครัฐต่าง ๆ มองภาพรวมครึ่งปีหลังโตต่อ ลุยพัฒนาศักยภาพทางการแพทย์เพิ่ม พร้อมนำ "โรงพยาบาลเคลื่อนที่ (Mobile Hospital)" หนุนรายได้หลัก มั่นใจรายได้รวมทั้งปี 65 โตตามเป้า บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลระหว่างกาล อัตราหุ้นละ 0.08 บาท

นายสุริยันต์ โคจรโรจน์ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ศิครินทร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SKR เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 2/65 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 1,348.70 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 150.48 ล้านบาท หรือเติบโต 12.56% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,198.22 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิ 171.73 ล้านบาท หรือเติบโต 17.14% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำไว้ 146.59 ล้านบาท โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสด 0.08 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงินประมาณ 165 ล้านบาท ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 25 ส.ค. 2565 กำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 8 ก.ย. 2565

ขณะที่ผลประกอบการครึ่งแรกปี 65 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 3,100.97 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,196.08 ล้านบาท จำนวน 904.89 ล้านบาท หรือ 41.20% และมีกำไรสุทธิ 553.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 241.13 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 129.53%

โดยผลประกอบการไตรมาส 2/65 เติบโตทั้งรายได้และกำไรสุทธิ มีปัจจัยสนับสนุนมาจากบริษัทมีรายได้จากการรักษาพยาบาลทั้ง ลูกค้าทั่วไป ประกอบด้วย ลูกค้าเงินสด ลูกค้าประกัน และลูกค้าบริษัทคู่สัญญาที่สูงขึ้น โดยเฉพาะปริมาณการรักษาพยาบาลของกลุ่มคนไข้รักษาโรคเฉพาะทางด้วยการผ่าตัด รวมถึงกลุ่มผู้เข้ารับบริการโดยใช้สิทธิประกันสังคมเพิ่มขึ้น และโครงการภาครัฐต่าง ๆ เช่น การให้บริการตรวจคัดกรองโรค Covid-19 ด้วยวิธี ATK และออกใบรับรองแพทย์สำหรับแรงงานต่างด้าว สำหรับศูนย์พิจารณาอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร อนุญาตให้ทำงาน และออกเอกสารรับรองบุคคล (Certificate of identity: CI)

ปัจจุบันสัดส่วนลูกค้าทั่วไปอยู่ที่ 60% และลูกค้าสวัสดิการภาครัฐอยู่ที่ 40% มาจากจำนวนผู้ประกันตนที่เลือกเครือโรงพยาบาลศิครินทร์รวมประมาณ 350,000 ราย ซึ่งสูงเป็นอันดับ 3 ของโรงพยาบาลเอกชนในประเทศไทย นอกจากนี้ในแต่ละเดือนยังมีผู้ประกันตนรายใหม่ที่เลือกศิครินทร์เพิ่มขึ้นตลอด

สำหรับแนวโน้มภาพรวมธุรกิจครึ่งหลังปี 65 ประเมินว่าจะเติบโตดีต่อเนื่อง เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจช่วงครึ่งปีหลัง เครือโรงพยาบาลศิครินทร์วางแผนเพิ่มศักยภาพทางการแพทย์ โดยเตรียมเพิ่มจำนวนห้องผ่าตัดและบุคลากรทางการแพทย์โดยเน้นเฉพาะทาง เพื่อรองรับการขยายตัวของการเข้าใช้บริการตามความเชื่อมั่นของกลุ่มลูกค้าต่อศักยภาพการผ่าตัด ผ่านการนำเสนอ "เรื่องผ่าตัดไว้ใจศิครินทร์"

นอกจากนี้ เครือโรงพยาบาลศิครินทร์เดินหน้าพัฒนา "โรงพยาบาลเคลื่อนที่ (Mobile Hospital)" ภายใต้แนวคิด "ศิครินทร์ เคียงข้างคุณ" สำหรับลูกค้ากลุ่มองค์กร เพื่อให้บริการด้านส่งเสริมสุขภาพ ประกอบด้วย Smart Check Up , Smart Dental และบริการทางการแพทย์ด้านต่าง ๆ ครบวงจร โดยจะเน้นการส่งเสริมสุขภาพตามนโยบาย Healthy Thailand ของ สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ทั้งนี้แผนดังกล่าวจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทอีกช่องทางหนึ่ง

ขณะเดียวกันบริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนาแอพพลิเคชั่นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ได้มีการนำเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ สามารถพูดคุยกันได้แบบ Real-time หรือ Telemedicine เข้ามาใช้งาน โดยช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา เริ่มทดลองใช้งานในกลุ่มลูกค้าองค์กร

สำหรับธุรกิจ Non-Hospital บริษัทมีที่ดินอยู่ระหว่างพัฒนาพื้นที่ เพื่อก่อสร้าง Medical Complex บนสัญญาเช่า 25 ปี เพื่อเป็น Lifestyle Center ของลูกค้าทุกกลุ่ม ภายใต้การควบคุมตามมาตรฐานสากลระดับโลก

"จากแผนการดำเนินงานและปัจจัยดังกล่าว บริษัทมั่นใจว่า รายได้รวมปี 65 เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทั้งนี้ สถานการณ์โควิดมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจะไม่กระทบต่อรายได้ เพราะที่ผ่านมาเครือโรงพยาบาลศิครินทร์รักษาผู้ป่วยโควิดตามนโยบายของภาครัฐ ดังนั้นสัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยโควิดไม่ได้สูงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเราเติบโตจากโครงสร้างรายได้ 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มลูกค้าทั่วไป กลุ่มสวัสดิการภาครัฐ กลุ่มงานโครงการภาครัฐ และกลุ่มโรงพยาบาลเคลื่อนที่ (Mobile Hospital) ซึ่งเรามุ่งมั่นสร้างความน่าเชื่อถือของโรงพยาบาลด้วยมาตรฐานสากลระดับโลกและการบริการที่เป็นเลิศ ควบคู่กับการสร้างแบรนด์ "SIKARIN" ที่สามารถเข้าสู่ทำเนียบกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 แล้ว เพื่อสร้างธุรกิจโรงพยาบาลให้เติบโตยั่งยืนในอนาคต" นายสุริยันต์กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ