กรุงเทพฯ--23 พ.ย.--กิมเอ็ง
บริษัท อินเตอร์ไฮด์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายหนังสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ครบวงจรชั้นนำรายใหญ่ในประเทศไทย แต่งตั้ง บมจ.หลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
นายองอาจ ดำรงสกุลวงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ไฮด์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ บริษัทก่อตั้งในปี 2535 เพื่อผลิตหนังสำหรับเฟอร์นิเจอร์ ก่อนพัฒนาเป็นสายการผลิตภัณฑ์หนังสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างครบวงจร เพียงอย่างเดียวในปี 2543 สายการผลิตของบริษัทฯ เริ่มตั้งแต่ฟอกหนังดิบจากโคหรือกระบือ จนกระทั่งสิ้นสุดเป็นหนังฟอกสำเร็จรูปสำหรับใช้ในรถยนต์ เช่น เบาะที่นั่ง หนังหุ้มพวงมาลัย หนังหุ้มกระปุกเกียร์ โดยแบ่งเป็นผลิตภัณฑ์และบริการ 4 กลุ่ม ได้แก่
1. หนังผืนสำเร็จรูปสำหรับเบาะรถยนต์ และอุปกรณ์ตกแต่งภายในรถยนต์ที่ใช้หนัง
2. ชิ้นส่วนหนังที่ตัดแล้ว (Cut Part) สำหรับหนังหุ้มเบาะรถยนต์และอุปกรณ์ตกแต่งภายในรถยนต์ที่ใช้หนัง
3. การบริการเย็บและร้อยหนัง (Sewing) สำหรับเบาะรถยนต์และอุปกรณ์ตกแต่งภายในรถยนต์ที่ใช้หนัง
4. บริการรับหุ้มเบาะรถยนต์
ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ISO/TS 16949:2002 จากสถาบัน TUV Rheinland Group ประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทผลิตรถยนต์ (Car Maker) ชั้นนำ เช่น โตโยต้า ฮอนด้า นิสสัน ฟอร์ด มิตซูบิชิ อีซูซุ มาสด้า ซูบารุ เป็นต้น ให้เป็นผู้ผลิตเบาะหนังและชิ้นส่วนหนังสำหรับรถยนต์เพื่อส่งเข้าสู่สายการผลิตของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ดังกล่าว โดยผลิตจำหน่ายให้ลูกค้าทั้งภายในประเทศและส่งออกไปยังต่างประเทศ ซึ่งบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ จะกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์และร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกันกับบริษัทฯ ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทผู้ผลิตรถยนต์มีความเชื่อมั่นต่อบริษัทฯ ในด้านคุณภาพและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ ความพร้อมของกำลังการผลิต การบริการ และการส่งมอบผลิตภัณฑ์ได้ตรงเวลาตามความต้องการ ซึ่งการได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้า จะเป็นลักษณะที่ได้รับสิทธิตลอดระยะเวลาตามอายุการผลิตของรุ่นรถยนต์ (Model Life) ซึ่งโดยทั่วไป รถยนต์แต่ละรุ่นจะมีอายุในการผลิตเฉลี่ยประมาณ 4 —8 ปี ปัจจุบัน บริษัทฯ ผลิตเบาะหนังให้แก่ผู้ผลิตรถยนต์จำนวน 8 บริษัท มากกว่า 30 รุ่น อาทิ
โตโยต้า คัมรี่, โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์, นิสสัน นีโอ, นิสสัน ฟรอนเทียร์, ฮอนด้า ซีวิค, ฟอร์ด เอสเคป, ฟอร์ด เทียร่า, ฟอร์ด โฟกัส, มาสด้า-3 เป็นต้น โดยมีกำลังการผลิตสูงสุดถึง 12,000,000 ล้านตารางฟุตต่อปี หรือประมาณ 360,000 ผืนต่อปี “
อุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นอุตสาหกรรมที่ประเทศไทยมีนโยบายในการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จนเป็นที่ยอมรับกันว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยมีความสามารถผลิตสูงสุดของอาเซียน และมีมูลค่าการส่งออกรวมทั้งสิ้นกว่า 149,232 ล้านบาท ในปี 2547 โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย คาดการณ์ว่ายอดการผลิตรถยนต์รวมในปี 2548 จะสูงถึง 1.1 ล้านคัน หรือ ขยายตัวร้อยละ 26 แบ่งเป็นยอดการจำหน่ายรวมในประเทศประมาณ 680,000 คัน คิดเป็นอัตราการขยายตัวร้อยละ 10 ขณะที่ยอดการส่งออกนั้น คาดว่าจะสูงถึง 500,000 คัน หรือคิดเป็นอัตราการขยายตัวร้อยละ 50 ในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า โดยคาดการณ์ว่ายอดการผลิตรถยนต์รวมในปี 2553 จะสูงถึง 1.8 ล้านคัน อุตสาหกรรมยานยนต์ยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตสูงต่อเนื่อง จากการที่อุตสาหกรรมยานยนต์นับว่าเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายหลักที่รัฐบาลมุ่งเน้น โดยต้องการที่จะผลักดันให้ไทยเป็น "ดีทรอยต์แห่งเอเชีย" ทั้งนี้ จะมีการลงทุนในการก่อตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ขึ้นในประเทศไทย ซึ่งนับได้ว่าเป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาฯ ของค่ายรถยนต์โตโยต้าที่ตั้งอยู่นอกประเทศญี่ปุ่นเป็นแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียและเป็นแห่งที่สามของโลก โดยศูนย์วิจัยและพัฒนาฯ ดังกล่าว จะเน้นในการพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์โดยเฉพาะ ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ประเทศไทย มีความได้เปรียบประเทศอื่นในด้านความพร้อมของบุคลากรในการเป็นฐานการผลิตรถยนต์ในอนาคต และในปัจจุบัน เบาะรถยนต์ซึ่งถือเป็นชิ้นส่วนยานยนต์ได้มีแนวโน้มที่จะทำด้วยหนังแท้เพิ่มขึ้น เนื่องจากได้รับความนิยมในคุณภาพที่คงทน และทำความสะอาดง่าย
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวเพิ่มเติมว่า “บริษัท อินเตอร์ไฮด์ จำกัด (มหาชน) มีความโดดเด่นในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายหนังสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ครบวงจรชั้นนำรายใหญ่ในประเทศไทย มีผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมฟอกหนังมามากกว่า 30 ปี มีกลุ่ม Sumitomo เป็นผู้ถือหุ้นเชิงกลยุทธ์ ด้วยนโยบายที่เน้นการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง ซึ่งกลุ่ม Sumitomo มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ที่สำคัญของภูมิภาคและของโลก ด้วยการเน้นส่งออกและนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมยานยนต์ และสนับสนุนการจัดทำเขตการค้าเสรีไทย-ญี่ปุ่น นับเป็นการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และเพิ่มศักยภาพในการขยายตัวจากตลาดในประเทศสู่ตลาดต่างประเทศ บริษัทฯ มีผลการการดำเนินงานที่มั่นคงและเติบโตต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้จากการจำหน่ายเบาะหนังที่นั่งซึ่งเป็นสินค้าที่ทำรายได้ให้กับบริษัทฯ สูงสุด โดยยอดขายเพิ่มจาก 471 ล้านบาท ในปี 2546 เป็น 648 ล้านบาท ในปี 2547 โดยคิดป็นการเติบโตประมาณ ร้อยละ 37.6 และสำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2548 บริษัทมีรายได้ 689 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 46 เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปี 2547 ทั้งนี้ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิในปี 2547 และงวด 9 เดือนแรกของปี 2548 จำนวนประมาณ 39 ล้านบาท และ 94 ล้านบาท ตามลำดับ บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จึงมีความมั่นใจในศักยภาพของคณะผู้บริหารและเชื่อว่าจะเป็นบริษัทที่น่าลงทุนและน่าสนใจเมื่อเปิดเสนอขายแก่ประชาชน โดยคาดว่าจะเสนอขายในเดือนธันวาคม”
ฝ่ายสื่อสารองค์กร บมจ. หลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)
โทร. 02-658-6300 ต่อ 5180 , 7401 ,7402 , 7403--จบ--