บมจ.ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ (WP) โชว์ความแข็งแกร่งกำไรไตรมาส 2/2565 พุ่งแตะ 42.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75.36 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ส่วนรายได้จากการขายและให้บริการเท่ากับ 3,482 ล้านบาท ขานรับราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ขาขึ้น และรับรู้รายได้จากการลงทุนในธุรกิจโซลารูฟท็อป ฟาก "ชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง" ระบุแนวโน้มธุรกิจช่วงครึ่งปีหลังยังสดใส ส่งสัญญาณราคาก๊าซ LPG ยังเป็นขาขึ้น มั่นใจปีนี้ดันรายได้โตตามเป้า 5%
นางสาวชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (WP) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2565 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2565) ของบริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 42.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.39 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 75.36% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมีรายได้จากการขายและให้บริการเท่ากับ 3,482 ล้านบาท, รายได้อื่นๆ เท่ากับ 48 ล้านบาท ส่วนกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 195 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62 ล้านบาท หรือคิดเป็น 46.7% ของปีก่อนหน้า เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากความต้องการใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) เพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะภาคครัวเรือนมีทิศทางฟื้นตัวอย่างชัดเจนตามการขับเคลื่อนของเศรษฐกิจรวมทั้งราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้มีความต้องการใช้ก๊าซทดแทนมากขึ้นด้วย
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีจุดกระจายสินค้าภาคครัวเรือนที่ครอบคลุมถึง 165 แห่งทั่วประเทศ ทำให้สามารถกระจายสินค้าได้ครอบคลุมทุกพื้นที่มากขึ้น อีกทั้งยังทยอยรับรู้รายได้จากการลงทุนในธุรกิจติดตั้งระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา(โซลาร์รูฟท็อป) ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 20 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์
ทั้งนี้บริษัทฯ ประเมินแนวโน้มราคาก๊าซ LPG ในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ตามราคาตลาดโลก โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการการคลี่คลายของสถานการณ์โรคระบาด การเปิดประเทศ ส่งผลต่อแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของความต้องการ LPG ในประเทศ นอกจากนี้ยังมีการขยายตัวของการส่งออก ซึ่งทั้งหมดจะเป็นตัวสนับสนุนให้ยอดขายปี 2565 ของบริษัทฯ เติบโตได้ตามเป้าหมาย 5% ส่วนยอดขายก๊าซ LPG คาดเพิ่มเป็น 7.65 แสนตัน ขณะที่ปัจจุบันส่วนแบ่งการตลาดของแบรนด์ "เวิล์ดแก๊ส" อยู่ที่อันดับ 2 หรือคิดเป็น Market Share 19%
"ครึ่งปีแรกที่ผ่านมาอุตสาหกรรมก๊าซ LPG ฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยมีปริมาณการขายอยู่ที่ 385,615 ตัน เพิ่มขึ้น 11.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นในชีวิตประจำวัน ประกอบกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น มีผลให้ก๊าซ LPG กลับมาเป็นที่นิยม นอกจากนี้ ราคาขายก๊าซที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ผลการดำเนินงานทั้งในส่วนของกำไรและรายได้ครึ่งปีแรกเติบโตอยู่ในทิศทางบวก ทำให้มั่นใจว่าภาพรวมทั้งปีของกลุ่มบริษัทฯ จะยังคงเติบโตตามเป้าที่ตั้งไว้ได้ " นางสาวชมกมลกล่าว