ECL ผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มือสอง บริการรับต่อกรมธรรม์ประกันภัยและ พ.ร.บ. ผู้ประสบภัยทางรถยนต์ เผยไตรมาส 2/65 มีกำไรสุทธิ 52.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60.27% จากงวดเดียวกันปีก่อน 33.05 ล้านบาท ส่วนครึ่งแรกทำได้ 103.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.04% จากงวดเดียวกันปีก่อน 89.26 ล้านบาท รับอานิสงส์สินเชื่อรถยนต์มือสองโต พร้อมปรับกลยุทธ์หนุนพอร์ตสินเชื่อทั้งปีแตะ 10,000 ล้านบาท หรือเติบโต 30% จากปีก่อนทำได้ 6,000 ล้านบาท
นายดนุชา วีระพงษ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ ECL ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มือสอง บริการรับต่อกรมธรรม์ประกันภัยและ พ.ร.บ. ผู้ประสบภัยทางรถยนต์ เปิดเผยว่าผลประกอบการในไตรมาส 2/2565 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 52.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.92 ล้านบาท หรือ 60.27% จากงวดเดียวกันปีก่อนทำได้ 33.05 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการ 6 เดือนแรก (สิ้นสุด 30 มิ.ย.65) มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 103.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.32 ล้านบาท หรือ 16.04% จากงวดเดียวกันปีก่อนทำได้ 89.26 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลง ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากขาดทุนขายรถยึดลดลงจากปีก่อน รวมทั้งบริษัทฯ ตัดหนี้สูญและสำรองค่าเผื่อฯ หนี้สงสัยจะสูญมีจำนวนลดลงอีกด้วย ประกอบกับความต้องการสินเชื่อ โดยเฉพาะสินเชื่อรถยนต์ที่มีดีมานด์เข้ามาอย่างต่อเนื่องและ ECL ยังเป็นผู้ชำนาญในตลาดเช่าซื้อรถยนต์มือสอง ซึ่งสะท้อนจากตัวเลขเฉลี่ยการเติบโตในแต่ละไตรมาสอยูที่ 20-30% จึงทำให้ผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
"เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจในปี 2563-2564 ยังคงซบเซาและได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และแนวโน้มการระบาดยังคงมีอย่างต่อเนื่องต่อไป แต่บริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์ เพื่อให้สอดคล้องกับวิกฤตการณ์นี้ ด้วยการปล่อยสินเชื่อที่มีความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น มีการเตรียมความพร้อมด้านเงินลงทุน การติดตามทวงถาม การบริหารจัดการลูกหนี้ การบริหารการขายรถยึด ทั้งภายในและภายนอกองค์กร ซึ่งมีส่วนทำให้ตัวเลข NPL ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องและสามารถทำผลกำไรได้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย" นายดนุชา กล่าว
ในปี 2565 จะเป็นอีกหนึ่งปีที่บริษัทฯ จะต้องเพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ให้สามารถสร้างผลประกอบการให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยคาดว่าพอร์ตสินเชื่อจะอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท หรือเติบโต 30% จากปีก่อนทำได้ 6,000 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายที่จะบริหารหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ให้ไม่เกิน 4.5% ภายใต้ปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคมและโรคระบาด ที่มีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา แต่ด้วยศักยภาพ ความมุ่งมั่นและความตั้งใจของทีมผู้บริหาร พนักงานทุกคน จึงทำให้บริษัทฯ ปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจและนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับการดำเนินธุรกิจ จึงมีความเชื่อมั่นว่าในปีนี้จะเป็นอีกปีที่ ECL จะก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคตได้อย่างแน่นอน