"บมจ.โรแยล พลัส" หรือ PLUS อวดผลงานเติบโตตามแผน บุ๊คงบ Q2/65 กำไร 77.3 ลบ. ทะยานกว่า 245% รายได้รวม 443.2 ลบ.เพิ่มขึ้น 72.9% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่งวดครึ่งปีแรกของปีนี้ โกยกำไร 124.1 ลบ. เพิ่มขึ้น 223.2% รายได้อยู่ที่ 833.5 ลบ. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 70.4% โดยคำสั่งซื้อน้ำมะพร้าวยังสดใส ต้นทุนยังไม่ปรับขึ้นและรับปัจจัยบวกเงินบาทอ่อนค่า "พลแสง แซ่เบ๊" แม่ทัพใหญ่ ส่งซิกครึ่งปีหลัง คาดเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก เดินหน้าออกโปรดักส์ใหม่ เช่น "โคโคนัท โยเกิร์ต" หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายทำให้คำสั่งซื้อเร่งตัวขึ้น พร้อมบุกตลาดต่างประเทศ อัพรายได้และกำไรปี 65 โดยวางเป้ารายได้โตก้าวกระโดด 50% แตะนิวไฮที่ระดับ 1,500 ล้านบาท
นายพลแสง แซ่เบ๊ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท โรแยล พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ PLUS เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทในงวดไตรมาส 2 ปี 2565 ออกมาเป็นที่น่าประทับใจทั้งรายได้และกำไร มีกำไรสุทธิ 77.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55 ล้านบาท หรือร้อยละ 245 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 22.4 ล้านบาท มีรายได้รวม 443.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 186.9 ล้านบาท หรือร้อยละ 72.9 เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ผลการดำเนินงานของบริษัทเติบโตขึ้นอย่างมาก สินค้าของ PLUS เป็นที่ต้องการของลูกค้าในทวีปอเมริกาเพิ่มมากขึ้น ทำให้ยอดการขายสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นไปตามแผนการขายและการดำเนินงานที่กำหนดไว้ และได้รับปัจจัยบวกจากเงินบาทที่อ่อนค่าทำให้รายได้เพิ่มขึ้น
โดยมีกำไรขั้นต้น 140.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 95.5% เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สอดคล้องกับยอดขายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 32.3% เพิ่มขึ้นจาก 28% ในไตรมาส 2/2564 ขณะที่มีอัตรากำไรสุทธิ 17.4% เพิ่มขึ้นจาก 8.7% ในไตรมาส 2/2564 ปรับตัวดีขึ้นตามรายได้จากการขาย รวมทั้งการบริหารต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพและต้นทุนการเงินที่ลดลง
ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทในงวดครึ่งปีแรกของปี 2565 มีกำไรสุทธิ 124.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น85.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 223.2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 38.4 ล้านบาท และมีรายได้จากการขาย 833.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 344.4 ล้านบาท หรือ 70.4% โดยมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 250.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 97.9% จากการเติบโตของยอดขาย
"ภาพรวมการเติบโตของรายได้รวมในครึ่งปีแรก มีการเติบโตจากช่วงเดียวกันของปี 2564 มากถึง70.7% โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มน้ำมะพร้าวและนมมะพร้าว เนื่องจากการลดราคาของค่าระวางเรือและพื้นที่สายเรือดีขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มทวีปอเมริกา กอปรกับเป็นช่วงไฮซีซันของธุรกิจเครื่องดื่ม และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าสูงสุดในรอบ 16 ปี ซึ่งเป็นปัจจัยบวกทำให้รายได้รวมเติบโตสูงกว่าเป้าหมาย" นายพลแสง กล่าว
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 คาดว่าเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกที่ผ่านมา หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายทำให้คำสั่งซื้อเร่งตัวขึ้น ขณะที่สถานการณ์ตู้คอนเทนเนอร์คลี่คลายดีขึ้น ล่าสุดค่าระวางเรือปรับลงจากช่วงก่อนหน้า ถือเป็นปัจจัยบวกต่อบริษัท นอกจากนี้การฟื้นตัวของตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดหลักและตลาดตะวันออกกลาง ส่งผลให้สินค้ากลุ่มหลักอย่างน้ำนมมะพร้าวและน้ำมะพร้าวมีการเติบโตที่ดี รวมทั้งได้อานิสงส์เชิงบวกจากค่าเงินบาทอ่อนค่า เนื่องจากบริษัทมีรายได้เป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ราว 63% ของรายได้รวม ล้วนเป็นปัจจัยบวกสะท้อนการเติบโตที่แข็งแกร่ง
นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังนี้บริษัทมีโปรดักส์ใหม่ออกขายสินค้าใหม่กลุ่ม Plant-Based เช่น "โคโคนัท โยเกิร์ต" และชานมที่อยู่ระหว่างขยายตลาดในจีน (Own Brand) มีคำสั่งซื้อฟื้นตัวดีขึ้น ทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตขยับขึ้นเป็น 73% จาก 52.2% ในปี 64
ปัจจุบัน PLUS มีสัดส่วนยอดขายต่างประเทศกว่า 99% กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชีย ได้แก่ ประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลี เป็นต้น พร้อมเตรียมบุกตลาดขยายฐานลูกค้าใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภคมากขึ้น โดยจุดเด่นของ PLUS ดึงเอกลักษณ์ของน้ำมะพร้าว และน้ำนมมะพร้าวของดีขึ้นชื่อเมืองไทย ที่มาพร้อมรสชาติสุดพิเศษ กลั่นกรองด้วยการผลิตนวัตกรรมชั้นเลิศ พร้อมโปรดักส์ใหม่ เครื่องดื่มที่ทำจากพืช (Plant-Based) หรือเครื่องดื่มโปรตีนจากพืชต่อยอดการเติบโต เช่น "โคโคนัท โยเกิร์ต" ผลิตจากน้ำนมมะพร้าวที่มาจากธรรมชาติ 100% ตอบโจทย์เทรนด์สินค้าเพื่อสุขภาพทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ขณะที่สถานการณ์ต้นทุนวัตถุดิบโดยรวมยังเอื้อต่อการบริหารจัดการและการแข่งขัน โดยราคาวัตถุดิบมะพร้าวปรับตัวลง ขณะที่บรรจุภัณฑ์บริษัทยังสามารถรักษาระดับต้นทุนไว้ครอบคลุมทั้งปีซึ่งส่วนใหญ่เป็นขวดแก้ว ส่งผลให้ภาพรวมต้นทุนวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ปีนี้ยังทรงตัว
สำหรับภาพรวมธุรกิจปี 2565 ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 1,500 ล้านบาท เติบโต 50% จากปีก่อน เชื่อว่าจะทำได้ตามแผน เนื่องจากสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ผ่อนคลาย ภาพรวมการบริโภคในประเทศ และการส่งออกคึกคัก ส่งผลให้มีคำสั่งซื้อกลับเข้ามารับความต้องการผู้บริโภคเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งบริษัทฯ มีแผนขยายธุรกิจไปยังกลุ่มประเทศใหม่มากขึ้น และลงทุนในระบบเทคโนโลยีและเครื่องจักรเพิ่มเติม เพื่อขยายตลาดใหม่สอดรับเทรนด์อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มที่จะเติบโตในอนาคต