บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ หรือ TNR ทำผลงานไตรมาส 2/2565 สุดฮอต กำไรสุทธิ 69 ล้านบาท พุ่งแรงกว่า 800% หนุนภาพรวม 6 เดือนแรกเติบโตแข็งแกร่ง จากปริมาณการขายสินค้าที่เพิ่มขึ้นทั้งกลุ่มธุรกิจงานรับจ้างผลิต และงานประมูล รวมถึงมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ด้านบอร์ดบริษัทฯ อนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาล อัตรา 0.20 บาทต่อหุ้น เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 26 สิงหาคมนี้ มั่นใจครึ่งปีหลังเติบโตต่อเนื่อง จากออเดอร์ที่รอส่งมอบเกือบเต็มกำลังการผลิตจนถึงปลายปีนี้
นายสุเมธ มาสิลีรังสี ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR เปิดเผยว่า บริษัทฯ ทำผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2565 เติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปและความกังวลจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีรายได้จากการขายและบริการ (ตามงบการเงินรวม) 447 ล้านบาท เติบโต 21% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 69 ล้านบาท เติบโต 800% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปีนี้เติบโตได้ดีเช่นกัน โดยมีรายได้จากการขายและบริการ(ตามงบการเงินรวม) 965 ล้านบาท เติบโต 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 137 ล้านบาท เติบโต 78% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้อัตรากำไรสุทธิปรับเพิ่มขึ้นเป็น 14.2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 9.6%
ปัจจัยการเติบโตในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มาจากปริมาณการขายถุงยางอนามัยเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นเป็นเดือนละกว่า 100 ล้านชิ้นเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ 84 ล้านชิ้น โดยมาจากกลุ่มธุรกิจงานประมูล (Tender) ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าปีก่อน ส่วนกลุ่มธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) มีคำสั่งซื้อและส่งมอบสินค้าเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และแบรนด์ ONETOUCH มียอดขายเพิ่มขึ้นในกลุ่มประเทศ CLMV ส่งผลให้มีอัตราการเดินเครื่องจักรเฉลี่ยช่วงครึ่งปีแรกที่ 80% นอกจากนี้บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขายลดลงเหลือ 24 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 74 ล้านบาท รวมถึงมีกำไรเพิ่มขึ้นจากอัตราแลกเปลี่ยน
จากผลประกอบการดังกล่าว ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ วันที่ 15 ธันวาคม 2565 จึงมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากงวดผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปีนี้ อัตรา 0.20 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงิน 60 ล้านบาท เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 26 สิงหาคมนี้ และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 14 กันยายน 2565 เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้นทุกคน
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังของปีนี้ มั่นใจว่าจะรักษาการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปัจจุบันมีออเดอร์จากกลุ่มธุรกิจงานรับจ้างผลิตและงานประมูลที่รอส่งมอบอย่างต่อเนื่องเกือบเต็มกำลังการผลิตไปจนถึงปลายปีนี้ รวมถึงเตรียมนำแบรนด์ ONETOUCH ขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น เช่น เกาหลีใต้ เป็นต้น ประกอบกับการที่ประเทศไทยและหลายประเทศทั่วโลกทยอยเปิดประเทศและผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตและทำกิจกรรมต่าง ๆ ตามปกติ จะเป็นปัจจัยบวกต่อยอดขายสินค้าของบริษัทฯ
ขณะที่ความคืบหน้าทางคดีระหว่างบริษัทฯ กับ บริษัท เพลย์บอย เอ็นเทอร์ไพร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (Playboy Enterprises International, Inc.) และ บริษัท โปรดักส์ ไลเซนซิ่ง จำกัด (Product Licensing LLC) หรือ เพลย์บอย หลังจากที่บริษัทฯ ยื่นฟ้องร้องต่อเพลย์บอย เรียกค่าเสียหายมูลค่ากว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ฐานใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ปัจจุบันได้มอบหมายให้ทนายเป็นผู้รวบรวมข้อมูลเพื่อดำเนินการตามกระบวนการทางคดีความต่อไป ทั้งนี้ ล่าสุด เพลย์บอย ได้ยื่นฟ้องแย้งบริษัทฯ ในประเด็นหลักเรื่องการผิดสัญญาอนุญาตให้ใช้ผลิตภัณฑ์ โดยไม่ได้ระบุจำนวนค่าเสียหายที่แน่นอน